“พาณิชย์” เตรียมถก JC เศรษฐกิจไทย-จีน ดันเพิ่มเป้าหมายการค้า 2 ฝ่าย จาก 7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 1.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐภายใน 3 ปี ยันทำได้แน่ เหตุมีแผนเจาะตลาดเมืองใหม่ ใช้ลอจิสติกส์จีนช่วยกระจายสินค้า และดันสินค้าฮาลาลไทยเจาะผู้บริโภคชาวมุสลิม
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับจีน หรือ JC เศรษฐกิจ ครั้งที่ 6 ในวันที่ 24 ส.ค. 2561 ที่ทำเนียบรัฐบาล มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานร่วมกับนายหวัง หย่ง มนตรีแห่งรัฐของจีน โดยจะมีการหารือถึงการตั้งเป้าหมายทางการค้าระหว่างกัน การส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ทั้งในส่วนของการขยายการค้าและการลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การเกษตร วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม การท่องเที่ยว การเงิน ดิจิทัล และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น
ทั้งนี้ ในด้านการค้า จะมีการหารือถึงการเพิ่มเป้าหมายการค้าจากปัจจุบันที่มีประมาณ 7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ให้เพิ่มเป็น 1.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปี 2564 หรือเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปัจจุบัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ท้าทาย แต่มั่นใจว่าจะทำได้ เพราะกระทรวงฯ กำลังจัดทำแผนการขยายตลาดจีนเพิ่มขึ้นในระยะ 3 ปีข้างหน้า ซึ่งมีทั้งการเจาะตลาดเมืองหลัก ซึ่งเป็นตลาดเดิม ตลาดเมืองใหม่ และตลาดเมืองรอง รวมทั้งยังมีกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่จะเจาะเข้าถึงตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน จะหารือถึงการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะผ่านโครงการ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiative) ของจีน การร่วมมือในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ของไทย โดยในการประชุมครั้งนี้มีนักธุรกิจและนักลงทุนจีนกว่า 300 รายที่จะเดินทางมาด้วย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จะมีการจัดสัมมนาเพื่อชี้แจงการลงทุน และพาลงพื้นที่ดู EEC ขณะที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะจัดการเจรจาธุรกิจเพื่อขยายโอกาสทางการค้าระหว่างกัน
นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในการขยายการค้ากับจีนให้เพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย 1.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ กระทรวงฯ จะเน้นการขยายตลาดไปยังหัวเมืองใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น ฉงชิ่ง เฉิงตู กุ้ยหยาง หังโจว ซีอาน และใช้ระบบลอจิสติกส์ของจีนในการกระจายสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีน เพราะปัจจุบันระบบลอจิสติกส์ในจีนเหลือไม่ถึง 5% ที่การขนส่งยังเข้าไปไม่ถึง ซึ่งไทยจะใช้จุดแข็งตรงนี้ในการกระจายสินค้าไทย
นอกจากนี้ จะเน้นการขยายการค้าข้ามพรหมแดน ใช้จีนเป็นฐานในการเข้าสู่ตลาดเอเชียกลาง โดยอาศัยระบบลอจิสติกส์ของจีนในการกระจายสินค้าไทย หรือการใช้ระบบลอจิสติกส์จีนเจาะเข้าสู่ยุโรป เพราะการขนส่งสินค้าจากจีนโดยเส้นทางรถไฟ เช่น จากฉงชิ่ง เฉิงตู ซีอานไปยังเยอรมนี ใช้เวลาประมาณ 12 วัน และยังมีแผนขยายตลาดสินค้าฮาลาลเจาะเข้าสู่จีนทางเมืองซินเจียง ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรชาวมุสลิมอาศัยอยู่มากถึง 80 ล้านคน และยังจะกระจายเข้าสู่ตลาดชาวมุสลิมในเอเชียกลางได้ด้วย