ร.ฟ.ท.ยืนยันลงทุนพัฒนาที่ดินหน้าสถานีรถไฟขอนแก่นไม่เกิน 1 พันล้าน สรุปชงบอร์ดเคาะลงนามสัญญา เผยประเมินตามความเห็น สคร. พร้อมกางแผนแม่บทพัฒนาย่านสถานี 25 แห่ง เตรียมศึกษา PPP ธนบุรี, หาดใหญ่นำร่อง ขณะที่ปี 65 คาดรายได้บริหารทรัพย์สินเติบโตก้าวกระโดด เหตุย่านรัชดาฯ สัญญาครบรื้อค่าเช่าใหม่
นายฐากูร อินทรชม ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพย์สิน การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีการประมูลพัฒนาที่ดินย่านสถานีรถไฟขอนแก่นว่า คณะอนุกรรมการทรัพย์สิน ร.ฟ.ท.ได้ประชุมเมื่อวันที่ 14 ส.ค. เพื่อพิจารณาประเด็นมูลค่าโครงการซึ่งยืนยันว่าการลงทุนไม่ถึง 1,000 ล้านบาท โดยประเมินจากค่าที่ดิน และค่าลงทุนของเอกชน มีมูลค่าประมาณ 600-700 ล้านบาท ส่วนประเด็นค่าเช่านั้น จากการหารือสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) สรุปว่า วงเงินในส่วนของค่าเช่าตลอดอายุสัญญานั้น รวมอยู่ในค่าลงทุนของเอกชนที่เป็นสินทรัพย์ถาวรแล้ว หากนำค่าเช่ามาบวกแยกอีกจะเป็นการซ้ำซ้อน
ดังนั้น โครงการนี้จึงไม่เข้าข่ายที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ปี 2556) ซึ่งจะสรุปข้อมูลเพื่อนำเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.เพื่อขออนุมัติลงนามสัญญากับบริษัทผู้ชนะการประมูลต่อไป
ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.มีแผนในการพัฒนาที่ดินทั่วประเทศที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเดินรถกว่า 3.9 หมื่นไร่ เพื่อหารายได้เพิ่ม นอกเหนือจากที่ดินแปลงใหญ่ใจกลางเมือง เช่น กม.11, บางซื่อ, มักกะสัน, สถานีแม่น้ำ โดยในส่วนของพื้นที่ตามย่านสถานีนั้นได้จัดทำแผนแม่บทพัฒนาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์จำนวน 25 สถานี ได้แก่ กาญจนบุรี, ฉะเชิงเทรา, อรัญประเทศ-คลองลึก, พิษณุโลก, อุตรดิตถ์, ลำปาง, เชียงใหม่, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ, ขอนแก่น,หัวหิน , หาดใหญ่,ธนบุรี , ศรีราชา, นครสวรรค์, ศิลาอาสน์, ปากช่อง, ชุมทางบัวใหญ่ , หนองคาย, อุบลราชธานี , ทางแยกสายบุ่งหวาย, โพธิ์มูล, ชะอำ, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, พังงา-ท่านุ่น
การพัฒนาจะทยอยตามลำดับความสำคัญ ตามศักยภาพ มูลค่าและความเป็นไปได้ และการใช้พื้นที่ในการก่อสร้างรถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูง ทั้งนี้ จากการประเมินเบื้องต้นส่วนใหญ่จะต้องใช้แนวทางการร่วมลงทุนกับเอกชน (PPP) ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมจ้างที่ปรึกษาศึกษารายละเอียดการพัฒนาสถานีธนบุรี, หาดใหญ่นำร่อง
สำหรับที่ดินแปลงใหญ่ในเมือง เช่น แนวถนน รัชดาภิเษกจากสำนักงานใหญ่ SCB จนถึงศูนย์การค้าเดอะสตรีท ศูนย์วัฒนธรรมฯ ไปจนถึง RCA เช่น ที่จอดรถโรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ สถานบริการอาบอบนวดโพไซดอน สถานีตำรวจสุทธิสาร สถานีตำรวจพหลโยธิน ศาลอาญา และ RCA เป็นต้น จะทยอยครบกำหนดสัญญาเช่าตั้งแต่ปี 2563-2565 ซึ่งหลักการจะประเมินราคาค่าเช่าใหม่ เข้ากระบวนการ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ โดยจะเจรจากับผู้เช่าเดิมก่อน หากไม่ยุติจะเปิดประมูลใหม่
“ในปี 61 รายได้ด้านทรัพย์สินมีมากกว่า 3,000 ล้านบาท แน่นอน ส่วนปี 62 ประเมินว่ารายได้จะเติบโตไม่มาก เพราะส่วนใหญ่ยังเป็นสัญญาเก่า และการพัฒนาแปลงใหม่ยังไม่ได้มากนัก แต่คาดว่าในปี 65 จะเห็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เนื่องจากสัญญาที่ดินแนวถนนรัชดาฯ จะต้องมีการปรับค่าเช่าและผลตอบแทนกันใหม่” นายฐากูรกล่าว