xs
xsm
sm
md
lg

“บางจาก” กำไร Q1 วูบหนัก ครึ่งปีหลังนำ BBGI เข้า ตลท.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บางจากกำไรไตรมาสแรกปี 2561 ทรุดเหลือแค่ 1.14 พันล้านบาท เหตุไตรมาส 1/61 ไม่มีรายการพิเศษเหมือนปีก่อน โดยมีรายได้ 44,226 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 15.8% จ่อนำ BBGI เข้าตลาดหลักทรัพย์ช่วงครึ่งปีหลังต่อยอดธุรกิจชีวภาพ

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 44,226 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี และมีกำไรสุทธิ 1,146.20 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,083.80 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 4 ของปี 60 มีการรับรู้รายได้จากรายการพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียว เช่น รายได้ดอกเบี้ยจากภาษีได้รับคืน กำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สิน ส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าซื้อกิจการ ฯลฯ

ทั้งนี้ ธุรกิจโรงกลั่นมีอัตราการผลิตเฉลี่ยที่ 109,350 บาร์เรลต่อวัน ใกล้เคียงกับแผนการผลิต ค่าการกลั่นพื้นฐานปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ค่าการกลั่นรวมปรับลดลงอยู่ที่ 6.37 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากได้รับผลกระทบจากต้นทุนน้ำมันดิบส่วนเพิ่มปรับตัวกว้างขึ้น ประกอบกับส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันดิบอ้างอิงในบางผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลง รวมทั้งในไตรมาสนี้รับรู้ Inventory Loss จำนวน 70 ล้านบาท ส่งผลให้ธุรกิจโรงกลั่นมี EBITDA 1,279 ล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วในไตรมาส 1 มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันอยู่ 292 ล้านบาท

ธุรกิจการตลาด มีปริมาณการจำหน่ายรวม 1,514 ล้านลิตร ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ในส่วนของตลาดค้าปลีกบางจากฯ มียอดจำหน่ายเติบโตเร็วกว่าตลาดคือเพิ่มขึ้นมากกว่า 7% ในขณะที่ภาพรวมตลาดสถานีบริการขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียง 3% และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 15.8%

ด้านธุรกิจ Non-oil ภายใต้การบริหารของบริษัท บางจาก รีเทล จำกัด มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขา แม้จะมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการค่อนข้างสูงในระหว่างการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการขยายสาขาร้านสะดวกซื้อ SPAR แต่ยังคงพัฒนาและขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีร้านกาแฟอินทนิล จำนวน 457 สาขา และร้าน SPAR 35 สาขา

ทั้งนี้ ในส่วนของสถานีบริการน้ำมันเปิดเพิ่มขึ้น 65 สาขา เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนใหญ่เป็นสถานีบริการมาตรฐานมีภาพลักษณ์ที่ทันสมัยบนถนนสายหลักและทำเลที่มีศักยภาพ พร้อมทั้งปรับปรุงคุณภาพของสถานีบริการน้ำมันที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้น เพื่อผลักดันยอดขายต่อสถานีบริการให้เพิ่มขึ้น และยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดด้านปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการเป็นอันดับ 2 ได้อย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันบริษัท บางจากฯ มีสถานีบริการน้ำมันทั้งสิ้น 1,127 แห่ง มีค่าการตลาดรวม 0.83 บาทต่อลิตร มี EBITDA รวม 735 ล้านบาท

สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ บริหารโดยบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) มีรายได้ 801 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้า 75.19 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น มี EBITDA รวม 664 ล้านบาท

ด้านกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มี EBITDA รวม 304 ล้านบาท โดยบริษัท บางจาก ไบโอฟูเอล จำกัด มีรายได้ 1,718 ล้านบาท ผลการดำเนินงานโดยรวมดีขึ้น การดำเนินงานของธุรกิจผลิตไบโอดีเซลปรับตัวดีขึ้นจากปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ B100 เพิ่มขึ้น 20 ล้านลิตร เนื่องจากมีสัดส่วนการผสมผลิตภัณฑ์ B100 ในน้ำมันดีเซลที่ร้อยละ 7 ด้านธุรกิจเอทานอล บริหารงานโดย บริษัท บางจากไบโอเอทานอล (ฉะเชิงเทรา) จำกัด มีรายได้ 867 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 230 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณการผลิตเฉลี่ย 130 พันลิตรต่อวัน และบริษัท เคเอสแอล กรีน อินโนเวชั่น จำกัด มีปริมาณการผลิตเฉลี่ย 311 พันลิตรต่อวัน เป็นผลจากการรับรู้ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากการควบบริษัท และปริมาณการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น

สำหรับความคืบหน้าของบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเกิดจากการควบรวมบริษัท ระหว่าง บริษัท บีบีพี โฮลดิ้ง จำกัด (BBH) บริษัทย่อยของบริษัท บางจากฯ กับบริษัท เคเอสแอลจีไอ จำกัด (KSLGI) บริษัทย่อยของบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) อยู่ในระหว่างการยื่นคำขอเสนอขายหลักทรัพย์ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เมื่อ 30 เมษายนที่ผ่านมา และคาดว่าจะจดทะเบียนในครึ่งปีหลัง 2561

และกลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มี EBITDA 68 ล้านบาท โดยหลักเป็นของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดย Nido Petroleum Limited ที่มีปริมาณการจำหน่ายรวม 195,439 บาร์เรล มีรายได้ 425 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวเพิ่มขึ้น แหล่งผลิตน้ำมันดิบ Galoc มีอัตราการผลิตเฉลี่ย 3,465 บาร์เรลต่อวัน โดยในไตรมาสนี้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นมาจากการบริหารจัดการด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดีเป็นไปตามแผน แต่มีรายการขาดทุนจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันล่วงหน้า รวมทั้งไม่มีรายการค่าเผื่อผลขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า


กำลังโหลดความคิดเห็น