“พพ.” สนองนโยบายกระทรวงพลังงาน มอบมหาวิทยาลัยศิลปากรสำรวจศักยภาพเชื้อเพลิงสำหรับพัฒนาโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดน ชี้เป็นมาตรการหนึ่งในการรองรับกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินชะลอ พร้อมชงแนวทางเปิดซื้อไฟโซลาร์รูฟท็อปเสรีมากกว่า 300 เมกะวัตต์ใน 1 เดือน
นายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ อธิบดีกรมพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้ พพ.พิจารณาสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลเพื่อรองรับกรณีไม่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินเกิดขึ้นในภาคใต้ตามแผนล่าสุด โดย พพ.ได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยศิลปากรทำการตรวจสอบศักยภาพของเชื้อเพลิงชีวมวลพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมดโดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนใต้อีกครั้งว่ามีปริมาณมากน้อยเพียงใดที่จะสนับสนุนให้เกิดการสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากข้อมูลเดิมได้มีการตรวจสอบไว้ตั้งแต่ปี 2557-2558
“รมว.พลังงานได้มีนโยบายที่จะรองรับโรงไฟฟ้าถ่านหินไว้ก่อนหน้าแล้ว ทั้งการวางระบบสายส่งไปยังภาคใต้ การเพิ่มโรงไฟฟ้าชีวมวลโดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่ต้องการให้เกิด 200-300 เมกะวัตต์ โดยในส่วนของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้มอบให้บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ดำเนินการผลิตไฟจากเชื้อชีวมวลรวม 12 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการประชารัฐที่จะนำร่องโดยจะเสนอเข้าคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) 7 มี.ค.” นายประพนธ์กล่าว
นอกจากนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ พพ.ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ภาคเอกชน เกี่ยวกับโครงการผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาที่อยู่อาศัยแบบเสรี (โซลาร์รูฟท็อปเสรี) ซึ่งกระทรวงพลังงานได้มอบนโยบายให้มีความเสรีมากขึ้นซึ่งหลังจากนี้จะรวบรวมแนวทางทั้งหมดสรุปเพื่อเสนอต่อนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงานพิจารณาได้ภายใน 1 เดือน
“ถ้าไม่มีอะไรเพิ่มเติมคงจะสรุปเสนอได้ใน 1 เดือนนี้ โดยก่อนหน้านี้โซลาร์รูฟท็อปเสรีจะเปิดรับซื้อไฟฟ้าเข้าระบบ 300 เมกะวัตต์ แต่เมื่อนโยบายให้เสรีมากขึ้นก็จะต้องมาดูในเรื่องของระบบสายส่งว่าเพียงพอแค่ไหน ที่สุดคงกำหนดไม่ได้เพราะสายส่งจำกัด ดังนั้นคงจะมากกว่า 300 เมกะวัตต์ต่อปี ส่วนราคารับซื้อก็คงจะต้องมาดูอัตราที่เหมาะสมอีกครั้งและจะซื้อแบบ Net -Billing ที่เป็น 2 มิเตอร์ที่จะแยกคำนวณไฟฟ้าที่ไหลย้อนเข้าสายส่งเท่ากับไฟฟ้าขายส่ง แล้วหักลบค่าไฟในรอบบิล” นายประพนธ์กล่าว