xs
xsm
sm
md
lg

ทายาทส่งออก “ซีเฟรช” รุกอสังหาฯ ทุ่ม 3.3 พันล้านผุด “รร.-รีสอร์-สนามกอล์ฟ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ชินทัต เจียอาภา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชาร์เตอร์ สแควร์ โฮลดิ้ง จำกัด ทายาท ซีเฟรช
ผู้จัดการรายวัน 360 - “เจียอาภา” ลุยพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผ่านเจนฯ 2 ทุ่ม 3,350 ล้านบาทผุด 3 โปรเจกต์ ทั้งโรงแรม รีสอร์ต และสนามกอล์ฟ ยึดหัวหาดพัทยา เจาะกลุ่มนักน่องเที่ยว คาดทยอยคุ้มทุน 10 ปี กลางปีนี้สนามกอล์ฟพร้อมให้บริการเป็นแห่งแรก เชื่อหลังเปิดครบทั้ง 3 โปรเจกต์รายได้ไม่ต่ำกว่า 1,600-1,700 ล้านบาท/ปี แย้มหากไปได้สวยเตรียมลุยหมู่บ้านจัดสรรบนที่ดินที่ยังเหลืออีก 500 ไร่ผืนเดียวกับสนามกอล์ฟ

นายชินทัต เจียอาภา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชาร์เตอร์ สแควร์ โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจหลักของครอบครัวยังคงเป็นการส่งออกอาหารทะเล ภายใต้บริษัท ซีเฟรช อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ซึ่งการดำเนินงานยังไปได้ดีอยู่หรือมีรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม นอกจากธุรกิจส่งออกอาหารทะเลแล้ว ยังมีธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วย คือ การให้เช่าพื้นที่ออฟฟิศสำนักงาน อยู่ 1 ตึก คือ อาคารชาร์เตอร์ สแควร์ บนถนนสาทร ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัท ชาร์เตอร์ สแควร์ โฮลดิ้ง จำกัด

ทั้งนี้ จากที่ตนได้เข้าบริหารงานเป็นเจเนอเรชันรุ่นที่สองอย่างเต็มตัว ล่าสุดพร้อมใช้งบลงทุนกว่า 3,350 ล้านบาท ไม่รวมค่าที่ดิน สำหรับลงทุน 3 โปรเจกต์ใหญ่ ประกอบด้วย 1. โรงแรมระดับ 4 ดาว ขนาด 150 ห้อง สูง 25 ชั้น บนที่ดิน 1ไร่ ในซอยคอนแวนต์ ใช้เชนของ Hyatt Place ลงทุน 900 ล้านบาท คุ้มทุน 11 ปี 2. รีสอร์ต ระดับ 5 ดาว ขนาด 206 ห้อง บนที่ดิน 37 ไร่ ที่พัทยา ใช้เชนโรงแรม Andaz ลงทุน 2,500 ล้านบาท ซึ่งต้องการให้เป็นเดสติเนชันรีสอร์ตในอนาคต ทั้งสองโครงการอยู่ในขั้นตอนการทำมาสเตอร์แพลน
3. Chee Chan Golf Resort สนามกอล์ฟขนาด 550 ไร่บนที่ดินอยู่บริเวณเดียวกับเขาชีจันท์ พัทยา ลงทุน 950 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวในไตรมาสสองปีนี้ คาดว่าจะคุ้มทุนใน 10 ปี

“หากทั้งสามโครงการเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ อนาคตยังมีโอกาสที่จะลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้อีก เพราะยังมีที่ดินที่คุณพ่อซื้อไว้อยู่ รวมถึงซื้อเพิ่มหากทำเลเหมาะสมในการลงทุน โดยมีความเป็นไปได้ที่จะลงทุนด้านบ้านจัดสรร และรีเทล บนพื้นที่ 500 ไร่ที่เหลือจากการทำสนามกอล์ฟ ซึ่งอาจจะบริหารเองมากกว่าใช้เชนเข้ามาบริหาร”

ส่วนในกรุงเทพฯ นั้น มองว่ายังมีความเป็นไปได้ที่จะลงทุนทำอาคารสำนักงานให้เช่า แต่ต้องดูที่ทำเลเป็นหลัก โดยใน 2-3 ปีนี้จะเน้น 3 โครงการนี้ก่อน ซึ่งมองว่าหากเปิดบริการได้ครบทุกโครงการ รายได้ต่อปีจะมีไม่ต่ำกว่า 1,600-1,700 ล้านบาท

นายชินทัตกล่าวต่อว่า สำหรับอาคารชาร์เตอร์ สแควร์ หลังจากใช้งบ 100 ล้านบาท ปรับปรุงอาคารจนผ่านการรับรองมาตรฐานผู้นำด้านการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการจัดการพลังงาน “LEED GOLD 2017” ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ช่วยให้ลดต้นทุนได้กว่า 20% และจากที่มีผู้เช่า 40% ปัจจุบันเพิ่มเป็น 85% ถึงสิ้นปีน่าจะทำได้ 90% หรือทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ทั้งนี้ หากรวมรายได้ 3 โครงการเข้ามาแล้ว ต่อปีจะมีรายได้กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 1,900-2,000 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ธุรกิจหลักของครอบครัวยังคงเป็นการส่งออกอาหารทะเลอยู่


กำลังโหลดความคิดเห็น