ผู้จัดการรายวัน 360 - “เมเจอร์” รุกหนักธุรกิจสื่อโฆษณา เจาะสินค้ารายย่อยชุมชนต่างจังหวัดระดับแมสสอดรับขยายสาขาสู่อำเภอ พร้อมหนังไทยที่ช่วยดันสื่อภูธรโต สวนทางสื่ออื่นและตลาดสื่อรวมที่ตกลง มั่นใจปีนี้กลุ่มรถยนต์กลับคืนมาใช้งบอีก เมเจอร์ฯ ลั่นปีนี้โต 10% พร้อมผุดโรงหนังเด็กครอบครัว
นายนิธิ พัฒนภักดี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ผู้ดูแลธุรกิจสื่อโฆษณาของเมเจอร์ฯ กล่าวว่า เมเจอร์ฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตของธุรกิจสื่อโฆษณาปี 2561 ไว้ที่ 10% จากปีที่แล้วที่คาดว่าจะเติบโต 7% โดยรายได้จากสื่อโฆษณาคิดเป็นสัดส่วน 13% ของทั้งเครือเมเจอร์ฯ และมีการปรับราคาขึ้นเฉลี่ย 10% ต่อปี
ทั้งนี้ ช่วง11 เดือนแรกปี 2560 สื่อโฆษณาโรงหนังมีมูลค่ารวม 6,298 ล้านบาท จากเดิม 4,913 ล้านบาท โต 21.22% เป็นเพียงไม่กี่สื่อที่เติบโตสวนทางกับภาพรวมสื่อประเภทอื่นและอุตสาหกรรมโฆษณาโดยรวมที่ติดลบ ซึ่งช่วง 11 เดือนแรกปี 2560 ตลาดรวมมีมูลค่า 92,673 ล้านบาท จากเดิม 98,321 ล้านบาท ติดลบ 5.74%
สำหรับแผนของบริษัทฯ ปีนี้ จะให้ความสำคัญต่อสินค้าชุมชนหรือสินค้าในต่างจังหวัดที่มีงบโฆษณาไม่มากเข้ามามีโอกาสใช้สื่อโฆษณาโรงหนังของเครือเมเจอร์ฯ ซึ่งสอดคล้องกับการขยายสาขาไปต่างจังหวัดระดับอำเภอมากขึ้น ปีนี้คาดว่าจะเปิดใหม่ 98 จอ หรือ 34 สาขา จากปีที่แล้วเปิดประมาณ 80 จอ อีกทั้งหนังไทยที่มีแนวโน้มการเติบโตดีก็เป็นตัวหลักที่ช่วยทำให้ตลาดโรงหนังในต่างจังหวัดโตดี ส่งผลดีต่อสื่อโฆษณาโรงหนังไปด้วย คาดว่าปีนี้ทั้งปีมีตลาดหนังไทยรวมประมาณ 55 เรื่อง เป็นของเครือเมเจอร์ฯ เองไม่ต่ำกว่า 17 เรื่อง จากปีที่แล้วมีหนังไทยประมาณ 40 เรื่อง และปีนี้มีหนังฮอลลีวูดประมาณ 200 เรื่อง หนังเอเชียประมาณ 80 เรื่อง
รูปแบบการขายสื่อโฆษณามีดังนี้ 1. จัดโฆษณาให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า เช่น เลือกช่องทางและเวลาฉาย ระยะเวลา จุดติดตั้งได้ เป็นต้น 2. การหาลูกค้าใหม่เพิ่ม โดยจัดแพกเกจให้เหมาะสม เช่น ลูกค้าต้องการโฆษณาเพื่อสร้างการรับรู้และการจดจำ หรือลูกค้าต้องการจัดกิจกรรม 3. การรักษาฐานลูกค้าเก่า และ 4. การขายแพกเกจตามนวัตกรรมและเทคโนโลยี เช่น ลูกค้าสามารถใช้มือถือสแกนเครื่องผ่านสมาร์ททิกเก็ตที่ใช้แล้วกว่า 30 สาขา
ปัจจุบันเมเจอร์ฯ มีโรงหนังกระจายใน 51 จังหวัด จำนวน 131 ทำเล รวม 710 โรง แบ่งสัดส่วนเป็น กรุงเทพฯ 40% และต่างจังหวัด 60% แต่ขณะที่สัดส่วนรายได้จากการขายสื่อโฆษณามาจากต่างจังหวัดเพียงแค่ 30% เท่านั้น แต่มาจากกรุงเทพฯ 70% ปีนี้ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากสื่อโฆษณากรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเท่ากันที่ 50% และอนาคตต่างจังหวัดต้องมากกว่ากรุงเทพฯ
กลุ่มสินค้า 5 อันดับสูงสุดที่ใช้สื่อเมเจอร์ฯ ในปีที่แล้วคือ เครื่องดื่มและสแน็ก โต 5%, รถยนต์ ลดลง 35%, การเงิน โต 9%, เครื่องใช้ไฟฟ้า โต 12% และสินค้าส่วนบุคคล โต 25% มูลค่ารวมกว่า 822 ล้านบาท จากช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าปีนี้กลุ่มยานยนต์จะกลับมาใช้งบโฆษณาเพิ่มอีก หลังจากที่ปีที่แล้วตกลงไปมาก
นอกจากนั้นมีแผนที่จะพัฒนาโรงหนังสำหรับเด็กเล็กหรือครอบครัวด้วย คาดว่าจะเริ่มปรับปรุงโรงเดิมบางโรงให้มีบริการสำหรับเด็กเล็ก มีเครื่องเล่น ที่นั่ง รวมทั้งบรรยากาศการตกแต่ง เริ่มที่เซ็นทรัลเวสต์เกตก่อนและเมกาบางนา เนื่องจากมีหมู่บ้านจำนวนมาก ตรงกลุ่มเป้าหมายที่มีครอบครัวและมีลูกเล็ก ราคาขายเป็นแพกเกจ การเจาะกลุ่มเด็กทำให้เด็กมีความคุ้นเคยแบรนด์และจดจำแบรนด์เมเจอร์ฯ ได้ดี ซึ่งปีนี้คาดว่ามีหนังเด็กไม่ต่ำกว่า 20 เรื่อง
นายนิธิ พัฒนภักดี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ผู้ดูแลธุรกิจสื่อโฆษณาของเมเจอร์ฯ กล่าวว่า เมเจอร์ฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตของธุรกิจสื่อโฆษณาปี 2561 ไว้ที่ 10% จากปีที่แล้วที่คาดว่าจะเติบโต 7% โดยรายได้จากสื่อโฆษณาคิดเป็นสัดส่วน 13% ของทั้งเครือเมเจอร์ฯ และมีการปรับราคาขึ้นเฉลี่ย 10% ต่อปี
ทั้งนี้ ช่วง11 เดือนแรกปี 2560 สื่อโฆษณาโรงหนังมีมูลค่ารวม 6,298 ล้านบาท จากเดิม 4,913 ล้านบาท โต 21.22% เป็นเพียงไม่กี่สื่อที่เติบโตสวนทางกับภาพรวมสื่อประเภทอื่นและอุตสาหกรรมโฆษณาโดยรวมที่ติดลบ ซึ่งช่วง 11 เดือนแรกปี 2560 ตลาดรวมมีมูลค่า 92,673 ล้านบาท จากเดิม 98,321 ล้านบาท ติดลบ 5.74%
สำหรับแผนของบริษัทฯ ปีนี้ จะให้ความสำคัญต่อสินค้าชุมชนหรือสินค้าในต่างจังหวัดที่มีงบโฆษณาไม่มากเข้ามามีโอกาสใช้สื่อโฆษณาโรงหนังของเครือเมเจอร์ฯ ซึ่งสอดคล้องกับการขยายสาขาไปต่างจังหวัดระดับอำเภอมากขึ้น ปีนี้คาดว่าจะเปิดใหม่ 98 จอ หรือ 34 สาขา จากปีที่แล้วเปิดประมาณ 80 จอ อีกทั้งหนังไทยที่มีแนวโน้มการเติบโตดีก็เป็นตัวหลักที่ช่วยทำให้ตลาดโรงหนังในต่างจังหวัดโตดี ส่งผลดีต่อสื่อโฆษณาโรงหนังไปด้วย คาดว่าปีนี้ทั้งปีมีตลาดหนังไทยรวมประมาณ 55 เรื่อง เป็นของเครือเมเจอร์ฯ เองไม่ต่ำกว่า 17 เรื่อง จากปีที่แล้วมีหนังไทยประมาณ 40 เรื่อง และปีนี้มีหนังฮอลลีวูดประมาณ 200 เรื่อง หนังเอเชียประมาณ 80 เรื่อง
รูปแบบการขายสื่อโฆษณามีดังนี้ 1. จัดโฆษณาให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า เช่น เลือกช่องทางและเวลาฉาย ระยะเวลา จุดติดตั้งได้ เป็นต้น 2. การหาลูกค้าใหม่เพิ่ม โดยจัดแพกเกจให้เหมาะสม เช่น ลูกค้าต้องการโฆษณาเพื่อสร้างการรับรู้และการจดจำ หรือลูกค้าต้องการจัดกิจกรรม 3. การรักษาฐานลูกค้าเก่า และ 4. การขายแพกเกจตามนวัตกรรมและเทคโนโลยี เช่น ลูกค้าสามารถใช้มือถือสแกนเครื่องผ่านสมาร์ททิกเก็ตที่ใช้แล้วกว่า 30 สาขา
ปัจจุบันเมเจอร์ฯ มีโรงหนังกระจายใน 51 จังหวัด จำนวน 131 ทำเล รวม 710 โรง แบ่งสัดส่วนเป็น กรุงเทพฯ 40% และต่างจังหวัด 60% แต่ขณะที่สัดส่วนรายได้จากการขายสื่อโฆษณามาจากต่างจังหวัดเพียงแค่ 30% เท่านั้น แต่มาจากกรุงเทพฯ 70% ปีนี้ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากสื่อโฆษณากรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเท่ากันที่ 50% และอนาคตต่างจังหวัดต้องมากกว่ากรุงเทพฯ
กลุ่มสินค้า 5 อันดับสูงสุดที่ใช้สื่อเมเจอร์ฯ ในปีที่แล้วคือ เครื่องดื่มและสแน็ก โต 5%, รถยนต์ ลดลง 35%, การเงิน โต 9%, เครื่องใช้ไฟฟ้า โต 12% และสินค้าส่วนบุคคล โต 25% มูลค่ารวมกว่า 822 ล้านบาท จากช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าปีนี้กลุ่มยานยนต์จะกลับมาใช้งบโฆษณาเพิ่มอีก หลังจากที่ปีที่แล้วตกลงไปมาก
นอกจากนั้นมีแผนที่จะพัฒนาโรงหนังสำหรับเด็กเล็กหรือครอบครัวด้วย คาดว่าจะเริ่มปรับปรุงโรงเดิมบางโรงให้มีบริการสำหรับเด็กเล็ก มีเครื่องเล่น ที่นั่ง รวมทั้งบรรยากาศการตกแต่ง เริ่มที่เซ็นทรัลเวสต์เกตก่อนและเมกาบางนา เนื่องจากมีหมู่บ้านจำนวนมาก ตรงกลุ่มเป้าหมายที่มีครอบครัวและมีลูกเล็ก ราคาขายเป็นแพกเกจ การเจาะกลุ่มเด็กทำให้เด็กมีความคุ้นเคยแบรนด์และจดจำแบรนด์เมเจอร์ฯ ได้ดี ซึ่งปีนี้คาดว่ามีหนังเด็กไม่ต่ำกว่า 20 เรื่อง