xs
xsm
sm
md
lg

เอ็มดี ทอท.ยันประมูลเครื่องตรวจระเบิดโปร่งใส เล็งเซ็นจ้าง “ล็อกซเล่ย์” ก.พ.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.
ทอท.เมินข้อร้องเรียน ชงบอร์ด 24 ม.ค.นี้อนุมัติผลประมูลเครื่องตรวจวัตถุระเบิดสุวรรณภูมิเฟส 2 คาดลงนาม “กลุ่มล็อกซเล่ย์-แอลพีเอส” ต้น ก.พ.นี้ “นิตินัย” ยันตรวจสอบเทคนิคแล้วราคาไม่มีปัญหา ฟุ้งเฟส 2 ประหยัดงบได้ถึง 1.06 หมื่นล้าน เผยอีก 2-3 เดือนเตรียมประมูลอาคารสายการบิน และที่จอดรถด้านตะวันออกอีก 1 พันล้าน ส่วนเป้าผู้โดยสารปี 61 คาดเติบโต 10%

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า จะเสนอผลการประกวดราคางานซื้อพร้อมติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า (BHS) และระบบตรวจจับวัตถุระเบิด (EDS) (ขาออก) โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ราคากลาง 3,798.7 ล้านบาท ต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. ที่มีนายประสงค์ พูนธเนศ เป็นประธาน ในวันที่ 24 มกราคมนี้ ซึ่งนิติบุคคลร่วมทำงาน ล็อกซเล่ย์-แอลพีเอส ประกอบด้วย บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ LOXLEY บริษัท ล็อกซเล่ย์ เพาเวอร์ ซิสเต็มส์ จำกัด เป็นผู้ชนะการประกวดราคา โดยมีคะแนนด้านเทคนิคสูงสุด และเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดประมาณ 3,618 ล้านบาท หรือต่ำกว่าราคากลางประมาณ 180 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบการประมูลไม่มีปัญหาทั้งด้านเทคนิคและราคา ขณะที่ได้เตรียมร่างสัญญาไว้แล้ว ดังนั้นหากบอร์ด ทอท.อนุมัติคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาได้ในต้นเดือน ก.พ.นี้

ขณะที่รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ทางบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ได้ทำหนังสือถึงประธานกรรมการจัดหาพัสดุ, นายประสงค์ พูนธเนศ ประธานกรรมการ ทอท. และนายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ขอทราบหลักเกณฑ์การให้คะแนนและผลคะแนนเอกสารด้านอื่นๆ เนื่องจากบริษัทบอยเมอร์ กรุ๊ป เอ/เอส ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งเป็นเจ้าของระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าและเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดของกลุ่มอิตาเลียนไทยฯ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการพิจารณาคะแนนด้านเทคนิคในซองเอกสารด้านอื่นๆ หลังจากพบว่าได้รับคะแนนโดยรวมต่ำที่สุด ขณะที่บอยเมอร์ กรุ๊ป ยืนยันว่าระบบและอุปกรณ์ (Individual Carrier System : ICS) ที่นำเสนอนั้นถูกต้องตามข้อกำหนดใน Specification ทุกประการตามที่ได้ชี้แจงกับ ทอท.มาแล้ว 2 ครั้ง และระบบ ICS ที่นำเสนอเป็นระบบที่มีคุณภาพ ซึ่งถูกเลือกให้ใช้ในท่าอากาศยานส่วนใหญ่ทั่วโลก

รวมถึงยังเป็นหนึ่งในโครงการที่กลุ่มธรรมาภิบาลเครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชันได้ยื่นเรื่องถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ขอให้ตรวจสอบความโปร่งใสและการดำเนินการของ ทอท.ที่ส่อทุจริตอีกด้วย

สำหรับโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 วงเงิน 6.2 หมื่นล้านบาทนั้น นายนิตินัยกล่าวว่า ขณะนี้เปิดประมูลไปแล้ว 6 งาน จากทั้งหมด 7 งานซึ่งประหยัดงบถึง 10,600 ล้านบาท โดยยังเหลืองานก่อสร้างอาคารสำนักงานสายการบิน และที่จอดรถด้านทิศตะวันออก และงานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก โดยจะแยกงานก่อสร้างอาคารสำนักงานสายการบิน และที่จอดรถด้านทิศตะวันออก วงเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท ออกมาประมูลก่อนภายใน 2-3 เดือนนี้ ขณะที่งานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านตะวันออกจะเริ่มภายหลัง จากที่งานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1(Satellite) และอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 เริ่มและมีความก้าวหน้าเพื่อปรับพื้นที่ไม่ให้กระทบต่อการให้บริการผู้โดยสาร

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถือว่าสุวรรณภูมิ เฟส 2 เป็นไปตามแผนแล้ว และมั่นใจว่างานก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย. 2562 ตามแผนเดิม แต่ ทอท.ได้มีการทบทวนกรอบเวลา หรือ Recovery Plan ในส่วนการจัดลำดับทดสอบระบบเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) โดยจะเปิดให้บริการเฟส 2 ได้ในช่วงไตรมาส 2-3 ปี 2563

นายนิตินัยกล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2561 (ต.ค. 60-ก.ย. 61) คาดว่าปริมาณผู้โดยสารจะเติบโตประมาณ 10% จากปี 2560 ที่มีผู้โดยสารรวม 129.2 ล้านคน โดยไตรมาส 1/61 (ต.ค. 60-ธ.ค. 60) ผู้โดยสารมีอัตราเติบโต 14% เนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีฐานต่ำ เป็นช่วงตกท้องช้างเพราะประสบปัญหาการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ และกรณีที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศขึ้นสัญลักษณ์ธงแดงประเทศไทย ส่วนไตรมาส 2/61 (ม.ค.-มี.ค. 61) อัตราเติบโตจะอยู่ที่ประมาณ 10% ประเมินครึ่งปีแรกโตเฉลี่ย 12% ส่วนครึ่งปีหลังการเติบโตในอัตราปกติ


กำลังโหลดความคิดเห็น