xs
xsm
sm
md
lg

“ไทยยูเนี่ยน” ทุ่ม 300 ล้านเสริมแกร่งนวัตกรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน 360 - “ไทยยูเนี่ยน” ทุ่มอีก 300 ล้านบาทเสริมศักยภาพนวัตกรรมต่อเนื่องในปีหน้า ชี้เป็นตัวหลักในการพัฒนาวิจัยและสร้างสรรค์นวัตกรรมในธุรกิจอาหาร ชี้การซื้อกิจการยังเป็นกลยุทธ์หลัก

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีหน้า (2561) กลุ่มไทยยูเนี่ยนยังคงใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท ในการลงทุนทางด้านนวัตกรรมการผลิตต่อเนื่องจากศูนย์นวัตกรรมของบริษัทฯ ที่ตั้งขึ้นมาได้ 2 ปีแล้ว และได้ลงทุนไปแล้วมากกว่า 600-900 ล้านบาท

ทั้งนี้ หนึ่งในผลงานที่หลากหลายขณะนี้คือ ศูนย์นวัตกรรมอยู่ระหว่างการพัฒนาวัตถุดิบทางทะเล ที่จะเพิ่มการใช้ประโยชน์จากวัตถุดิธรรมชาติเพื่อสร้างสรรค์แหล่งโปรตีนสำหรับการบริโภคของมนุษย์และใช้ในหลากหลายสินค้า รวมถึงโภชนเภสัชที่ใช้น้ำมันทูน่าสกัด ซึ่งมีดีเอชเอ โอเมกา 3 ที่เหมาะสำหรับสุขภาพและพัฒนาการของทารก ก่อนหน้านี้ทางศูนย์นวัตกรรมก็ได้จดลิขสิทธิ์ทูน่าสไลซ์ ให้ผู้บริโภคได้รับประทานทูน่าที่สดจากธรรมชาติในรูปแบบใหม่สะดวกกว่าเดิม นอกจากนี้ ทางศูนย์นวัตกรรมยังเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตไส้กรอกทูน่าให้มีรสชาติและโภชนาการมากขึ้น สินค้าอาหารทั้งสองนี้ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติและเริ่มขายในตลาดโลกแล้ว

“ในโอกาสครบรอบ 40 ปีของไทยยูเนี่ยน เรามองไปข้างหน้าและมุ่งเน้นการดำเนินนโยบายความยั่งยืนต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือกับกรีนพีซและพันธมิตรอื่นๆ ที่จะทำให้ท้องทะเลแข็งแรงและดีขึ้น และให้ความสำคัญต่อนวัตกรรมเพื่อสร้างอนาคตของธุรกิจ เพื่อคิดค้น พัฒนา สินค้าใหม่ บรรจุภัณฑ์ และกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจอาหารทะเลของไทยและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในเรื่องโภชนาการที่ดีถูกต้อง”

นายธีรพงศ์กล่าวด้วยว่า กลยุทธ์หลักการสร้างการเติบโตของบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นเรื่องของการซื้อกิจการ ควบรวมกิจการต่อเนื่องในกิจการที่มีประสิทธิภาพและศักยภาพ เพื่อขยายกิจการและสร้างการเติบโตอย่างมีศักยภาพแบบยั่งยืน แต่ในช่วงปีสองปีนี้อาจจะยังไม่เห็นการซื้อกิจการอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้น เนื่องจากว่าในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ เพิ่งได้ลงทุนซื้อกิจการมาจำนวนมากแล้ว

สำหรับรายได้รวมของบริษัทไทยยูเนี่ยนกรุ๊ปมีประมาณ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีพนักงานมากกว่า 49,000 คนทั่วโลก ซึ่งรายได้หลักมาจากการขายกว่า 70% มาจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยเป็นเจ้าของแบรนด์ใหญ่ของโลก เช่น ชิกเก้นออฟเดอซี, จอห์นเวสต์, เปอตี๊ด นาเวร์, พาร์เมนเทียร์, คิงออสการ์ เป็นต้น รวมทั้งแบรนด์ดังในไทยด้วย เช่น ฟิชโช ซีเล็ค เบลอตต้า เป็นต้น

ขณะที่ ดร.ธัญญวัฒน์ เกษมสุวรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มด้านนวัตกรรมของไทยยูเนี่ยน กล่าวว่า ภายในปี 2563 นวัตกรรมจะมีบทบาทมากขึ้นในธุรกิจของไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป และคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ประมาณ 10% ของยอดขายรวมทั้งหมดของบริษัทฯ ที่คาดว่าจะมี 8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
กำลังโหลดความคิดเห็น