xs
xsm
sm
md
lg

"พาณิชย์" เชิญผู้ซื้อจากทั่วโลกบินมาเจรจาซื้อขายข้าวไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“พาณิชย์" เตรียมเชิญผู้ซื้อจาก 24 ประเทศทั่วโลกเจรจาซื้อขายข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าว วันที่ 30 ต.ค.-2 พ.ย.นี้ เพื่อหาตลาดรองรับข้าวฤดูกาลใหม่ พร้อมเร่งขยายตลาดข้าวสี สั่งทูตพาณิชย์โปรโมตและหาตลาด เผยการใช้นโยบายประชารัฐเชื่อมโยงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลังประสบความสำเร็จตามเป้า เกษตรกรขายผลผลิตได้ราคาดีขึ้น

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมในการหาตลาดรองรับผลผลิตข้าวฤดูการผลิตปี 2560/61 ว่า ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเชิญนักธุรกิจจากทั่วโลกมาเจรจาซื้อขายข้าวระหว่างวันที่ 30 ต.ค.-2 พ.ย. 2560 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลเวิลด์ โดยขณะนี้มีผู้ซื้อจำนวน 169 บริษัท จาก 24 ประเทศทั่วโลกได้แจ้งตอบรับมาแล้ว เช่น จีน ฮ่องกง แคนาดา สหรัฐฯ ยุโรป แอฟริกา ซาอุดีอาระเบีย และอาเซียน คาดว่าจะมีการตกลงซื้อขายภายในงานทันที 600 ล้านบาท และสั่งซื้อต่อเนื่องภายใน 1 ปี ไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ กระทรวงฯ ยังมีแผนที่จะผลักดันขยายตลาดข้าวสี ซึ่งเป็นข้าวที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เช่น ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวหอมมะลิดำ (หอมนิล) และข้าวไรซ์เบอร์รี ในด้านการดูแลเกษตรกร จะทำการเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวสี โรงสีของกลุ่มเกษตร โรงสีของวิสาหกิจชุมชน สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ซึ่งจะนำร่องในพื้นที่ 3 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ อุบลราชธานี สุรินทร์ และศรีสะเกษ ก่อนขยายผลไปยังจังหวัดอื่น ส่วนในด้านการหาตลาดรองรับ ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ที่ประจำอยู่ในทุกภูมิภาคทั่วโลกเร่งจัดกิจกรรมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์และคุณประโยชน์ข้าวสีของไทยซึ่งดำเนินการอยู่แล้วให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นโดยเร็วต่อไป เพื่อกระตุ้นให้มีความต้องการเพิ่มมากขึ้น

นางอภิรดีกล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการหาตลาดให้กับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ทำการเชื่อมโยงตลาดสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ระหว่างเกษตรกร ผู้รวบรวม (หรือผู้ใช้) และโรงงานอาหารสัตว์ ในรูปแบบของ “โมเดลไตรภาคี” โดยเป็นการจับคู่เชื่อมโยงผลผลิตระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาที่สูงขึ้น ขณะที่ผู้รับซื้อก็จะได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดโดยทั่วไป โดยดำเนินการไปแล้ว 14 จังหวัด เช่น น่าน นครสวรรค์ ลำพูน กาญจนบุรี และกำแพงเพชร เป็นต้น มีปริมาณรับซื้อรวมกันกว่า 151,000 ตัน

ส่วนมันสำปะหลัง ได้เชื่อมโยงผู้เลี้ยงปศุสัตว์ภายในจังหวัดกับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในรูปแบบของ “มหาสารคามโมเดล” เพื่อให้เกิดการรวมกลุ่มและสร้างช่องทางการจัดจำหน่าย ลดปัญหาการเอารัดเอาเปรียบ เน้นวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร ขณะนี้มี 15 จังหวัดได้นำโมเดลนี้ไปดำเนินการแล้ว เช่น มหาสารคาม นครราชสีมา กำแพงเพชร อุดรธานี และลำพูน เป็นต้น ส่งผลให้เกิดปริมาณรับซื้อรวมกันกว่า 253,000 ตัน
กำลังโหลดความคิดเห็น