พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังการสัมมนาหัวข้อทิศทางและนวัตกรรมด้านพลังงานของประเทศสู่พลังงาน 4.0 ในงานPTTEP Knowledge Management Week 2017 (PTTEP KM Week) วันนี้ (14 ก.ย.) ว่า
ปัจจุบันโครงสร้างไฟฟ้าของประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงไป พบว่าปริมาณการใช้ไฟในช่วงกลางวันลดลง เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมติดโซลาร์รูฟท็อปเพื่อผลิตไฟใช้เอง ทำให้ความต้องการใช้ไฟสูงสุด (พีก) ได้เปลี่ยนจากช่วงกลางวันเป็นกลางคืน ซึ่งปัจจุบันค่าไฟในช่วงกลางวันจะแพงกว่ากลางคืน ดังนั้นจึงต้องมีการเก็บข้อมูลเพื่อพิจารณาโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้า TOU ซึ่งเป็นอัตราค่าไฟฟ้าที่แตกต่างกันตามช่วงเวลาของการใช้ โดยยังเป็นแนวคิดที่จะเก็บค่าไฟในช่วงกลางคืนแพงกว่ากลางวัน
แต่ทั้งนี้ การใช้ไฟฟ้าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยโซลาร์รูฟท็อปจะมีผลต่อระบบไฟฟ้าต่อเมื่อมีสัดส่วนเป็น 10% แต่ปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่แค่ 2-3% ซึ่งการประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปในปลายปีนี้จะมีปริมาณไม่มากนัก เนื่องจากเป็นการรับซื้อไฟส่วนเกินจากการใช้เอง
ด้านนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร นายกสภาสถาบันวิทยสิริเมธี และประธานกรรมการบริหารโรงเรียนกำเนิดวิทย์ กล่าวว่า ในปีนี้การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวถึง 4% แต่ความต้องการใช้ไฟฟ้ากลับไม่เพิ่มขึ้น รวมทั้งพีกไฟฟ้าพีกเปลี่ยนจากช่วงกลางวันเป็นกลางคืน เป็นผลจากพลังงานแสงอาทิตย์ แต่หากรัฐจะมีการจัดเก็บอัตราค่าสำรองไฟ (Backup Rate) เพื่อหวังลดพีกกลางคืน จะทำให้เกิดการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีโดยเฉพาะแบตเตอรี่เข้ามา ซึ่งจะทำให้ไทยไม่ต้องมีการสร้างโรงไฟฟ้าไปอีกนาน
นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กล่าวว่า การจัดงานPTTEP KM Week มุ่งเน้นการนำแนวคิดด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินงานให้กับ ปตท.สผ. รวมทั้งยังเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของพนักงาน หน่ายงานรัฐ และสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพื่อให้เกิดการบูรณาการองค์ความรู้ใหม่
สำหรับเทคโนโลยีที่ ปตท.สผ.คิดค้นและพัฒนาร่วมกับสถาบันการศึกษาและภาคเอกชนต่างๆ ได้แก่ หุ่นยนต์ตรวจสอบท่อ (IPIR) ยานยนต์ใต้น้ำอัตโนมัติ (AUV) หุ่นยนต์ทำความสะอาดชายหาด เป็นต้น