xs
xsm
sm
md
lg

เบสท์รินอ่วม! ขสมก.เรียกค่าเสียหาย 800 ล้านส่งเมล์ NGV ไม่ได้ตามสัญญา จ่อถูกขึ้นบัญชีดำอีกด้วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ขสมก.” ส่งหนังสือถึง “เบสท์ริน” เรียกค่าเสียหาย 800 ล้าน หลังบอกเลิกสัญญากรณีส่งมอบรถไม่ได้ พร้อมส่งเรื่องถึงกรมบัญชีกลางขึ้นบัญชีดำกรณีทิ้งงานตามขั้นตอน ระบุเป็นขั้นตอนปกติหลังเลิกสัญญาพร้อมเจ้ง ขบ.ถอดทะเบียนรถที่จะเป็นชื่อ ขสมก.292 คันออกด้วย โดยเตรียมชงบอร์ด 26 เม.ย.เปิดประมูล NGV 489 คันรอบใหม่เร่งให้ได้รถใหม่ใน พ.ย.นี้

นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า จากที่ได้มีการบอกยกเลิกสัญญาการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) เป็นเชื้อเพลิงจำนวน 489 คัน สัญญาวงเงิน 3,389,710,819.50 บาท กับบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ไปเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2560 เนื่องจากบริษัทฯ ไม่สามารถพิสูจน์แหล่งกำเนิดสินค้าได้ และไม่สามารถส่งมอบรถให้ครบได้ตามสัญญาภายในวันที่ 29 ธ.ค. 2559 ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2560 ขสมก.ได้ทำหนังสือแจ้งค่าเสียหายกับบริษัทฯ ซึ่งคิดถึงวันที่ 12 เม.ย. 2560 วงเงินรวมประมาณ 800 ล้านบาท ขณะที่วงเงินค้ำประกันมีเพียง 330 ล้านบาท หรือ 10% ของมูลค่าสัญญา

พร้อมกันนี้ได้ทำหนังสือถึงกระทรวงคมนาคม แจ้งกรณีที่บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป มีการทิ้งงาน ไม่สามารถดำเนินการได้ตามสัญญา เพื่อส่งเรื่องไปยังกรมบัญชีกลาง ตามขั้นตอนการขึ้นบัญชีดำ (Black List) บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ต่อไป ทั้งนี้ เนื่องจากเมื่อมีการบอกยกเลิกสัญญา ขสมก.ต้องดำเนินการตามกระบวนการ คือ ทำหนังสือแจ้งไปยังบริษัทฯ รวมถึงแจ้งไปยังกรมบัญชีกลางเพื่อขึ้นบัญชีดำบริษัทฯ ซึ่งหากกรมบัญชีกลางประกาศออกมาจะทำให้บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ไม่สามารถเข้าร่วมประมูลโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV ที่ ขสมก.จะประกาศประมูลใหม่ได้ แต่ทั้งนี้ระหว่างที่ยังไม่มีการประกาศขึ้นบัญชีดำ และ ขสมก.เปิดประมูลก่อน ทางเบสท์รินฯยังสามารถยื่นประมูลได้ตามปกติ

นอกจากนี้ ขสมก.ได้ทำหนังสือกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อขอให้เพิกถอนทะเบียนรถเมล์ NGV ที่มีการจดทะเบียนในชื่อ ขสมก.ออก โยตามรายงานข่าว ได้มีการจดทะเบียนไปแล้ว 292 คัน รวมถึง ขสมก.จะต้องประสานทางเบสท์ริน เพื่อขอให้ถอด GPS ออกจากรถ NGV ด้วย หากไม่ดำเนินการจะคิดเป็นค่าเสียหายแทน เพราะ GPS เป็นทรัพย์สินของ ขสมก.

นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า กรณีที่มีคำสั่งให้นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ ขสมก.ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2560 ซึ่งนายสุระชัยยังคงได้รับเงินเดือนค่าตอบแทน ในตำแหน่ง ผอ.ขสมก.เช่นเดิมนั้น ขณะนี้ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังกรมบัญชีกลางว่า กรณีที่นายสุระชัยไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาจ้าง ขสมก.จะจ่ายค่าตอบแทนให้อย่างไร เนื่องจากขสมก.ต้องจ่ายเงินเดือน ค่าตอบแทนประจำตำแหน่ง ค่ารถ ค่ารับรอง รวมเป็นเงินกว่า 2 แสนบาทต่อเดือน ทั้งนี้เพื่อความเป็นธรรมแก่ทั้งนายสุระชัย และขสมก.

ในวันที่ 26 เม.ย.นี้จะรายงานที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก. ถึงมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งได้ให้เร่งจัดหารถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน และรถเมล์ไฟฟ้า 200 คัน เนื่องจากเป็นโครงการที่มีความพร้อม สามารถดำเนินการได้เร็ว และจะเป็นประโยชน์กับประชาชน ซึ่งหากสามารถเริ่มต้นได้จะจัดหารถ NGV จำนวน 489 คัน ได้ในเดือน พ.ย.นี้ ส่วนรถเมล์ไฟฟ้า 200 คันได้ทำประชาพิจารณ์แล้ว 1 ครั้ง ครั้งที่ 2 จะทำในเดือนเม.ย.นี้จะเข้าสู่กระบวนการประมูลได้เช่นกัน โดยประเมินตามแผนงาน รถเมล์ไฟฟ้า 200 คัน แบ่งเป็น 4 ล็อตๆ ละ 50 คัน โดยล็อตแรกจะรับมอบในเดือน ธ.ค. ล็อตที่ 2 รับมอบเดือน ก.พ. 61 ล็อตที่ 3 รับมอบเดือน เม.ย. 61 และล็อตที่ 4 รับมอบในเดือน มิ.ย. 61

นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า โครงการจัดหารถเมล์ใหม่เป็นหนึ่งของแผนฟื้นฟูกิจการของ ขสมก.ในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า (ระหว่างปี 60-64) โดยตั้งเป้าจัดหารถเมล์ใหม่ทั้งหมด 3,450 คัน จากปัจจุบันที่มีรถเมล์อยู่ราว 2,735 คัน เพื่อรองรับการปฏิรูปเส้นทางเดินรถโดยสารประจำทางใหม่ของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จำนวน 138 เส้นทาง ประกอบด้วยการ

โดยตามแผนฟื้นฟู ขสมก.มีแผนจัดหารถรถเมล์ใหม่ ระยะ 5 ปี (ปี 60-64) จำนวน 3,450 คัน ซึ่งจะเป็นการรองรับเส้นทางเดินรถใหม่ตามแผนปฏิรูปเส้นทางรถเมล์ จำนวน 138 เส้นทาง ซึ่งรถเมล์ NGV 489 คันจะจัดหาภายในปี 2560 ส่วนที่เหลือยังมีเวลาพิจารณาเลือกเทคโนโลยีและพลังงานที่เหมาะสมได้ ซึ่งอาจจะเป็นรถเมล์ไฮบริดก็ได้ โดยได้ว่าจ้างจุฬาลงกรณ์ฯ ศึกษา

สำหรับแผนงานจัดหารถเมล์ใหม่จำนวน 3,450 คันนั้น ประกอบด้วย ปี 2560 จัดหารถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน ปี 2561 จัดหารถเมล์ NGV จำนวน 700 คนปี 2562 จะจัดหารถจำนวน 600 คัน ปี 2563 จัดหารถจำนวน 700 คัน และปี 2564 จัดหารถอีกจำนวน 761 คัน โดยมีรถเมล์ไฟฟ้าอีก 200 คัน ขณะที่แผนปลดระวางรถเมล์เก่าประมาณ 2,700 คัน ภายในปี 2564 แบ่งเป็น ปี 2560 จำนวน 107 คัน ปี 2561 จำนวน 501 คัน ปี 2562 จำนวน 624 คัน ปี 2563 จำนวน 669 คัน และปี 2564 จำนวน 852 คัน

“ท่านนายกฯ เห็นว่าควรจัดหารถเมล์ใหม่เพื่อให้บริการประชาชนโดยเร็ว ซึ่งรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน และรถเมล์ไฟฟ้า 200 คัน มีความพร้อมที่สุด สามารถดำเนินการได้เร็ว ดังนั้น ขสมก.จะเร่งขั้นตอนการประมูลใหม่ โดยจะใช้ TOR เดิม ไม่ปรับเปลี่ยนใดๆ เพราะเป็น TOR ที่เปิดกว้างในการจัดหาทั้งนำเข้า หรือประกอบในประเทศ ขึ้นกับผู้ร่วมประมูลจะดำเนินการได้เป้าหมายเพื่อให้ได้รถใหม่มาบริการประชาชนโดยเร็ว” นายสมศักดิ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น