xs
xsm
sm
md
lg

เบสท์รินฯ ยันรถจดทะเบียนในครอบครองชื่อ ขสมก. และส่งมอบไปแล้ว 390 คัน ยื่นผู้ตรวจการฯ สอบ ขสมก.-กรมศุลฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายคณิสสร์ ศรีวัชระประภา  ประธานบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด
เบสท์รินฯ ยื่นร้องเรียนผู้ตรวจการฯ สอบปัญหา ขสมก.ไม่ตรวจรับรถเมล์ NGV ชี้มติชะลอการตรวจรับมอบโดยไม่มีกำหนดทำให้บริษัทฯ ได้รับความเดือดร้อนจากการไม่ชำระราคารถยนต์ที่ได้ส่งมอบไปแล้ว เผยทำงานร่วมกับคณะกรรมการตรวจรับฯ สามารถส่งมอบรถไปแล้ว 390 คัน นำไปจดทะเบียนแล้ว 274 คัน ถือว่าอยู่ในการครอบครองของ ขสมก.แล้ว เสนอ ขสมก.ขยายสัญญารับมอบกรณีอีก 99 คันติดที่ท่าเรือ ชี้เป็นเหตุสุดวิสัย

นายคณิสสร์ ศรีวัชระประภา ประธานบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายธาวิน อินทร์จำนงค์ รองเลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ บริษัทฯ ได้ทำสัญญาซื้อขายและจ้างซ่อมแซมบำรุงรักษารถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 489 คัน ซึ่งมีกำหนดส่งมอบรถยนต์ทั้งหมดภายในระยะเวลา 90 วันนับจากวันลงนามในสัญญา ซึ่งบริษัทได้ส่งมอบรถยนต์ให้ ขสมก.แล้วจำนวน 274 คัน

ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจรับรถมิได้ตรวจรับ และเมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมาคณะกรรมการตรวจรับฯ ได้มีมติให้ชะลอการตรวจรับรถยนต์ไว้ก่อนโดยไม่มีกำหนด ทำให้บริษัทเดือดร้อนไม่ได้รับการชำระราคารถยนต์โดยสารที่ได้ส่งมอบไปเสร็จสิ้นตามสัญญาแล้ว จึงขอให้ผู้ตรวจฯ แจ้งไปยัง ขสมก.ให้สั่งการให้คณะกรรมการตรวจรับรถยนต์ที่ส่งมอบไปแล้วโดยเร็ว สำหรับรถยนต์ส่วนที่เหลือให้บริษัทส่งมอบต่อไป และในระหว่างที่ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบขอให้ ขสมก.ชะลอการยกเลิกสัญญาจนกว่าจะได้ข้อสรุป

อนึ่ง บริษัทได้นำเข้ารถโดยสารมาตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2559 แต่ที่ส่งมอบไม่ได้เพราะมีข้อสงสัยจากศุลกากร ซึ่งได้พยายามหารือกับ ขสมก. จนล่าสุดประชุมร่วมกับคณะกรรมการตรวจรับ และมีแผนว่าจะส่งมอบรถรวมเป็น 4 งวด งวดสุดท้ายวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ซึ่งจะครบ 489 คัน โดยทำงานร่วมกับคณะกรรมการตรวจรับฯ สามารถส่งมอบรถไปแล้ว 390 คัน นำไปจดทะเบียนแล้ว 274 คัน ถือว่าอยู่ในการครอบครองของ ขสมก.แล้ว

“ส่วนอีก 99 คันได้ส่งหนังสือให้กรมศุลกากรเพื่อให้เอารถออกมาให้เราส่งมอบรถให้ได้ตามสัญญา ซึ่งที่ยังไม่สามารถส่งมอบได้เรามองว่าเป็นเหตุสุดวิสัยที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้ จึงอยากร้องขอให้ ขสมก.ขยายสัญญาให้กับบริษัท และให้หน่วยงานกลางอย่างผู้ตรวจการแผ่นดินเข้ามาร่วมตรวจสอบว่าการจะบอกเลิกสัญญาชอบด้วยกฎหมายหรือไม่” นายคณิสสร์กล่าว

นายคณิสสร์กล่าวว่า อยากให้ดูว่าการบอกเลิกสัญญาเป็นไปตามกฎหมายและเป็นการผิดสัญญาหรือไม่ ถ้าการยกเลิกเป็นการที่ผู้ขายทำผิด ไม่สามารถส่งมอบรถได้ ถือเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องก็ต้องยอมรับ และจะจัดการกับรถในส่วนนี้ออกไป แต่ถ้าไม่ยกเลิกตามข้อกำหนด ไม่เป็นไปตามสัญญาเราก็ต้องเรียกร้องสิทธิตามที่เราทำได้

ส่วนที่กรมศุลกากรอ้างว่าบริษัทเอารถจดประกอบจากจีน ไม่ได้เป็นรถจากมาเลเซียตามที่ตกลงไว้ ประเด็นดังกล่าวศุลกากรพูดตั้งแต่การแถลงข่าวครั้งแรก แต่จริงๆ แล้วเคยมีเอกสารที่กรมศุลกากรทำถึง ขสมก. ลงวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา ระบุชัดเจนว่ายังอยู่ระหว่างการสอบถามข้อเท็จจริงจากมาเลเซีย ซึ่งปัจจุบันข้อเท็จจริงนี้ยังไม่ชัดเจน แต่กลับพูดในลักษณะกล่าวหาบริษัทว่านำรถจดประกอบจากจีนมา ทำให้เราตกเป็นจำเลยและถูกสังคมพิพากษาแล้วว่าหลบเลี่ยงภาษี

“ผมอยากจะถามว่าเหตุจูงใจในการกล่าวหาว่าผมหลบเลี่ยงภาษีคืออะไร ในเมื่อบริษัทจะต้องมาแบกรับความเสี่ยงกับการทำผิดกฎหมาย ทั้งที่เรามีการทำสัญญากับ ขสมก.ซึ่งมีจำนวนเงินที่มากกว่าภาระภาษีที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลัง ผมมองไม่เห็นเจตนาที่จะทำอย่างนั้น เหตุผลที่กรมศุลกากรบอกว่าเราฉ้อฉลภาษี อยากจะถามว่าการฉ้อฉลที่ว่านั้นบริษัทเข้าไปสมรู้ร่วมคิดกับกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของมาเลเซียหรือ ผมไปร่วมมือกับเขาในการทำเอกสารปลอมขึ้นมาอย่างนั้นหรือ ถ้าใช่อย่างนี้เรียกว่าฉ้อฉล แต่ผมติดต่อซื้อขายกับมาเลเซียไม่ได้ติดต่อซื้อขายกับจีน เอกสารต่างๆ ได้มาจากผู้ขาย ผู้ขายก็ได้มาจากหน่วยงานราชการของประเทศเขา แล้วอย่างนี้ผมฉ้อฉลตรงไหน แล้วยังมีคำถามที่ผมยังติดใจเพราะเป็นข้อกล่าวหา เช่น การอ้าง พ.ร.บ.ห้ามนำของที่มีการแสดงกำเนิดเป็นเท็จเข้ามา พ.ศ. 2481 ซึ่งควบคุมเฉพาะสินค้าหัตถกรรม แต่รถยนต์เกี่ยวกับสินค้าหัตถกรรมอย่างไร เพราะไม่ใช่รถยนต์กงเต็กเป็นเหล็กทั้งคัน ซึ่งข้อสงสัยเหล่านี้เราสงสัยและคาใจมาตลอดแต่ศุลกากรก็ไม่สามารถให้ความกระจ่างกับเราได้เสียที ทั้งหมดนี้เราจึงมองว่าเป็นเหตุสุดวิสัยที่เราไม่สามารถส่งมอบรถได้” นายคณิสสร์กล่าว

ส่วนกรณีกรมศุลกากรได้เปิดเผยภาพรถยนต์ทั้งคันที่นำมาจากจีนและลงเรือมาที่มาเลเซีย นายคณิสสร์กล่าวว่า หน้าที่กรมศุลกากรต้องตั้งข้อสงสัยอยู่แล้ว แต่การจะตรวจสอบต้องทำตามขั้นตอน ซึ่งต้องทำตามประกาศกฎระเบียบของกรมศุลกากรที่ระบุว่าหากมีข้อสงสัยต้องทำหนังสือไปสอบถามยังหน่วยงานที่ออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ซึ่งก็ไม่ทราบว่าทำไปแล้วหรือยัง อาจจะทำแล้วและได้คำตอบมาแล้ว แต่ทางบริษัทยังไม่ได้รับแจ้งหนังสือนี้

“ส่วนที่ว่าตามภาพรถวิ่งมาจากจีนผ่านมาเลเซียและเข้าไทย ผมไม่มีข้อสงสัย เพราะท่านยืนอยู่จุดเดียวแล้วมองไป แต่กว่ารถคันนี้จะวิ่งมาจากจีนมีขั้นตอนอย่างไร ท่านรู้หรือไม่ ซึ่งศุลกากรต้องไปสืบหาข้อเท็จจริงว่าก่อนที่รถจะวิ่งมาจากจีนนั้นมีสัดส่วนของชิ้นส่วนที่อยู่ในมาเลเซียอยู่แล้วมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ตามกฎความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน ดังนั้น มาเลเซียมีสิทธิที่จะออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ซึ่งเป็นเรื่องอธิปไตยของมาเลเซียซึ่งทางศุลกากรต้องไปถามเขาว่าออกหนังสือมาได้อย่างไร และถ้าท้ายที่สุดพิสูจน์ได้ว่าหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าปลอม ทางบริษัทต้องไปฟ้องร้องหน่วยงานที่ออกเอกสาร เพราะผมเอาเอกสารเท็จมาใช้ก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน และต้องมีการรายงานไปยังเลขาธิการอาเซียน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ จึงอยากเรียกร้องให้ทางศุลกากรทำตามขั้นตอน ถ้ามีสิทธิพิสูจน์ก็ต้องทำตามกฎหมาย” นายคณิสสร์กล่าว

ด้านนายธาวิน อินทร์จำนงค์ รองเลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ในการตรวจสอบ ขสมก.จะต้องดูเรื่องสัญญา เรื่องข้อตกลงการส่งมอบรถ ขณะที่กรมศุลกากรจะต้องดูในเรื่องข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ว่ารถยนต์ดังกล่าวเข้าเงื่อนไขกฎหมายหรือไม่ คาดว่าจะเร่งดำเนินการชัดเจนได้ประมาณ 15-20 วัน

อย่างไรก็ตาม นายคณิสสร์ได้แสดงเอกสารใบขนสินค้าขาเข้าฯ ที่นายคณิสสร์อ้างว่ามีเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรแก้ไขต่อเติมด้วยข้อความที่ระบุว่า รถยนต์โดยสารที่นำเข้ามีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน ซึ่งทำให้ ขสมก.เข้าใจผิดและไม่รับรถของทางบริษัท ทั้งนี้ การบันทึกข้อความดังกล่าวของใบขนส่งสินค้า หากเจ้าหน้าที่ศุลกากรมีความเห็นอื่นใด จะต้องลงบันทึกด้านหลัง ไม่ใช่มากรอกไว้ด้านหน้า ซึ่งเป็นส่วนของผู้นำเข้า

นอกจากนี้ ยังได้ไปแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจแหลมฉบัง จ.ชลบุรี กับเจ้าหน้าที่ศุลกากรฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จำนวน 3 คน อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้ง 3 คนสามารถแก้ไขเอกสารดังกล่าวได้ น่าจะมีผู้มีอำนาจอยู่เบื้องหลัง ซึ่งในวันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 13.30 น. ทางบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป จะแถลงข่าวเพื่อชี้แจงและเปิดโปงรายละเอียดทั้งหมด ที่สวนอาหารเพลิน
กำลังโหลดความคิดเห็น