“พาณิชย์” สั่งทุกจังหวัด ประกาศราคาขายปลีกน้ำตาล แก้ปัญหาขายเกินราคา หลังพบ 42 จังหวัดวิกฤต น้ำตาลทะยานกก.ละ 30 บาท เตรียมกระจายโควตาพิเศษ 1 ล้านตัน เริ่มสัปดาห์หน้า ให้ยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว ห้างค้าปลีก โรงงานผลิตอาหาร และธงฟ้า
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัด พิจารณาประกาศราคาขายปลีกน้ำตาลทรายในทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อควบคุมราคาน้ำตาลทรายราคา และแก้ปัญหาราคาน้ำตาลแพงในหลายจังหวัด หลังจากได้รับรายงานว่า มีถึง 42 จังหวัดยังประสบปัญหาน้ำตาลตึงตัวและราคาแพง โดยเฉพาะภาคเหนือที่ขายน้ำตาลทรายสูงถึงกก.ละ 23.50-30 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กก.ละ 22-29 บาท ภาคกลาง ภาคตะวันออก กก.ละ 23.50-28 บาท และภาคใต้ กก.ละ 24-28 บาท
ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ประกาศราคาขายปลีกน้ำตาลทรายใน 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ สุมทรสงคราม นนทุบรี และปทุมธานี ทำให้ควบคุมปัญหาราคาน้ำตาลทรายได้ดี แต่จากนี้ไป จะให้ทุกจังหวัดประกาศราคาน้ำตาลทรายของพื้นที่ตัวเองด้วย เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ควบคุมราคา และป้องกันการขายเกินราคาได้ ซึ่งการพิจารณาราคาแต่ละจังหวัด อาจแตกต่างกันตามต้นทุน ตามปริมาณที่ใช้ และระยะทางขนส่ง
นายยรรยง กล่าวว่า สำหรับการบริหารโควตาน้ำตาลทรายพิเศษที่กระทรวงพาณิชย์ได้รับจัดสรรโควตา ก.จากคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เพื่อใช้แก้ปัญหาการขาดแคลนในประเทศ ขณะนี้ได้รับจัดสรรมาแล้ว 807,600 กระสอบ จากโควตา 1 ล้านกระสอบ และภายในสัปดาห์หน้า จะเริ่มกระจายไปในพื้นที่ขาดแคลนได้ โดยมีเกณฑ์พิจารณาไป 3 กลุ่ม ได้แก่ ยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว และห้างค้าปลีก กลุ่มผู้ใช้รายย่อย เช่น โรงงานผลิตอาหารที่ใช้น้ำตาลโควตา ก. และประชาชนทั่วไป ผ่านโครงการธงฟ้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอข้อมูลรายชื่อพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน จากกระทรวงอุตสาหกรรม ร้านค้า และพาณิชยัจังหวัด เพื่อมาพิจารณาจัดสรรให้อย่างเหมาะสม
“การจัดสรรน้ำตาลทราย ยืนยันว่า มีความโปร่งใส โดยได้ตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำตาลทรายในสถานการณ์พิเศษขึ้นมาดูแลโดยตรง และจะยึดหลัก 3 แนวทาง ได้แก่ การจัดสรรจะไม่กระทบกับระบบการค้าตลาดเดิม ซึ่งจะอยู่ในกลุ่มของยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว โดยพิจารณาว่าในช่วงที่เกิดปัญหาน้ำตาลขาดแคลน มียี่ปั๊วรายเดิมที่ได้รับการจัดสรรลดน้อยลง อาจไปชดเชยส่วนนั้นให้ รวมถึงห้างค้าปลีกด้วย เน้นเรื่องความทั่วถึงเป็นหลัก คือ ทำให้น้ำตาลทรายถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง โดยดูจากสถิติย้อนหลัง เช่น พื้นที่ใดที่มีการร้องเรียนว่าน้ำตาลขาดแคลนจะเข้าไปดูแลจุดนั้นให้ และสุดท้ายจะประสานงานทุกฝ่าย โดยให้เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ และพาณิชย์จังหวัดเข้าไปยังพื้นที่เกี่ยวข้องที่มีปัญหา และจัดสรรน้ำตาลให้”
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ได้ให้กระทรวงพาณิชย์รับดำเนินการเป็นผู้จัดสรรโควตา ซึ่งกระทรวงจะมอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ และกรมการค้าภายใน เป็นผู้จัดสรรน้ำตาลไปยังพื้นที่ต่างๆ ให้ทั่วถึง ส่วนโควตาคำขอที่ต้องการ 4 แสนตัน ก็อยู่ระหว่างการพิจารณา หากน้ำตาลยังมีปัญหาตึงตัวและแพง อาจพิจารณาขอโควตาเพิ่มเติมได้
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัด พิจารณาประกาศราคาขายปลีกน้ำตาลทรายในทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อควบคุมราคาน้ำตาลทรายราคา และแก้ปัญหาราคาน้ำตาลแพงในหลายจังหวัด หลังจากได้รับรายงานว่า มีถึง 42 จังหวัดยังประสบปัญหาน้ำตาลตึงตัวและราคาแพง โดยเฉพาะภาคเหนือที่ขายน้ำตาลทรายสูงถึงกก.ละ 23.50-30 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กก.ละ 22-29 บาท ภาคกลาง ภาคตะวันออก กก.ละ 23.50-28 บาท และภาคใต้ กก.ละ 24-28 บาท
ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ประกาศราคาขายปลีกน้ำตาลทรายใน 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ สุมทรสงคราม นนทุบรี และปทุมธานี ทำให้ควบคุมปัญหาราคาน้ำตาลทรายได้ดี แต่จากนี้ไป จะให้ทุกจังหวัดประกาศราคาน้ำตาลทรายของพื้นที่ตัวเองด้วย เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ควบคุมราคา และป้องกันการขายเกินราคาได้ ซึ่งการพิจารณาราคาแต่ละจังหวัด อาจแตกต่างกันตามต้นทุน ตามปริมาณที่ใช้ และระยะทางขนส่ง
นายยรรยง กล่าวว่า สำหรับการบริหารโควตาน้ำตาลทรายพิเศษที่กระทรวงพาณิชย์ได้รับจัดสรรโควตา ก.จากคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เพื่อใช้แก้ปัญหาการขาดแคลนในประเทศ ขณะนี้ได้รับจัดสรรมาแล้ว 807,600 กระสอบ จากโควตา 1 ล้านกระสอบ และภายในสัปดาห์หน้า จะเริ่มกระจายไปในพื้นที่ขาดแคลนได้ โดยมีเกณฑ์พิจารณาไป 3 กลุ่ม ได้แก่ ยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว และห้างค้าปลีก กลุ่มผู้ใช้รายย่อย เช่น โรงงานผลิตอาหารที่ใช้น้ำตาลโควตา ก. และประชาชนทั่วไป ผ่านโครงการธงฟ้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอข้อมูลรายชื่อพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน จากกระทรวงอุตสาหกรรม ร้านค้า และพาณิชยัจังหวัด เพื่อมาพิจารณาจัดสรรให้อย่างเหมาะสม
“การจัดสรรน้ำตาลทราย ยืนยันว่า มีความโปร่งใส โดยได้ตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำตาลทรายในสถานการณ์พิเศษขึ้นมาดูแลโดยตรง และจะยึดหลัก 3 แนวทาง ได้แก่ การจัดสรรจะไม่กระทบกับระบบการค้าตลาดเดิม ซึ่งจะอยู่ในกลุ่มของยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว โดยพิจารณาว่าในช่วงที่เกิดปัญหาน้ำตาลขาดแคลน มียี่ปั๊วรายเดิมที่ได้รับการจัดสรรลดน้อยลง อาจไปชดเชยส่วนนั้นให้ รวมถึงห้างค้าปลีกด้วย เน้นเรื่องความทั่วถึงเป็นหลัก คือ ทำให้น้ำตาลทรายถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง โดยดูจากสถิติย้อนหลัง เช่น พื้นที่ใดที่มีการร้องเรียนว่าน้ำตาลขาดแคลนจะเข้าไปดูแลจุดนั้นให้ และสุดท้ายจะประสานงานทุกฝ่าย โดยให้เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ และพาณิชย์จังหวัดเข้าไปยังพื้นที่เกี่ยวข้องที่มีปัญหา และจัดสรรน้ำตาลให้”
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ได้ให้กระทรวงพาณิชย์รับดำเนินการเป็นผู้จัดสรรโควตา ซึ่งกระทรวงจะมอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ และกรมการค้าภายใน เป็นผู้จัดสรรน้ำตาลไปยังพื้นที่ต่างๆ ให้ทั่วถึง ส่วนโควตาคำขอที่ต้องการ 4 แสนตัน ก็อยู่ระหว่างการพิจารณา หากน้ำตาลยังมีปัญหาตึงตัวและแพง อาจพิจารณาขอโควตาเพิ่มเติมได้