โตชิบา โอด ปีนี้รายได้ตู้เย็นไม่ขยับ เร่งรักษาเก้าอี้ผู้นำมีแชร์ไม่ต่ำกว่า 20% ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจรุก 2 ประตู ส่งสินค้าใหม่กรุยตลาดอีก 3 รุ่น หลังแนวโน้มความต้องการตู้เย็น 1 ประตูลดลง 10% พร้อมทุ่มทุน 100 ล้าน อัดกิจกรรมการตลาดเต็มที่ เมินทำตลาดร่วมพาร์ทเนอร์ เหตุไม่ช่วยสร้างรายได้ หากทำต้องคุ้มค่า
นายฮิเดโนริ มัสสุอิ ประธานบริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมตู้เย็นในปีนี้เชื่อว่ายังไม่เติบโต หรือถ้าเติบโตก็อาจจะขยับเพียง 0- 3% เท่านั้น เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับยอดขายของโตชิบาที่คาดว่าจะไม่เติบโตเช่นเดียวกันในปีนี้ ขณะที่ตลาดตู้เย็นเติบโตสูงสุดเพียง 5% เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯจะต้องรักษาความเป็นผู้นำตลาดเอาไว้ 20% ถึงแม้ว่าจะไม่เติบโตขึ้นก็ตาม
แต่สำหรับโตชิบาแล้ว ปีที่ผ่านมากลับมียอดขายเติบโตขึ้นกว่า 30% ทั้งนี้เกิดจาก การที่บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นให้การสนับสนุนการทำตลาดตู้เย็น ขณะที่ในประเทศไทยบริษัทฯมีโรงงานผลิตตู้เย็นถึง 2 โรง อีกทั้งยังมีสินค้ามากมายหลายรุ่นในการทำตลาด จึงทำให้โตชิบาเป็นผู้นำในตลาด โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 20% จากมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 1.5 ล้านเครื่อง แบ่งเป็น 1 ประตู ประมาณ 70% และ 2 ประตู 30%
โดยการทำตลาดนั้น บริษัทฯจะเน้นในเรื่องของนวัตกรรมสินค้า และการออกสินค้าใหม่ เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความต้องการ ที่จะซื้อสินค้านั้นเอง พร้อมกันนี้ยังต้องเน้นในเรื่องของการเจาะกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยสินค้าที่ออกสู่ตลาดจะมีคุณสมบัติและดีไซน์ที่สวยงามขึ้น ขณะเดียวกันระดับราคาก็จะสูงขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่จะทำให้โตชิบา มีรายได้เป็นอันดับหนึ่งในตลาดต่อไป ผ่านงบการตลาดประมาณ 100 ล้านบาท เท่าปีที่ผ่านมา สำหรับทำตลาดตู้เย็น
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวต่อว่า จะเห็นว่าการทำตลาดของโตชิบานั้น จะมุ่งเน้นในเรื่องของกิจกรรมทางการตลาด และกิจกรรมส่งเสริมสังคมมากกว่า การร่วมกับทางพาร์ทเนอร์ เนื่องจากมองว่า ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ การทำกิจกรรมร่วมกับทางพาร์ทเนอร์ จะไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควร แต่ไม่ได้หมายความว่าจะหยุดทำ แต่ต้องคิดให้มากขึ้นว่าเมื่อทำออกมาแล้วจะต้องได้ผลมากที่สุด ดังนั้นในระยะเวลาเช่นนี้ทางบริษัทฯจะเน้นทำกิจกรรมโปรโมชั่นส่งเสริมการขายจับกลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจงทดแทน เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง เช่น ตู้เย็นมัลติ ดอร์ อาจจะนำมาจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการ สำหรับกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยม มากขึ้น
ล่าสุด จากการคาดการณ์ว่าปีนี้ตู้เย็นขนาด 1 ประตูจะลดลง 10% โดยตู้เย็นขนาด 2 ประตูจะมีอัตราความต้องการเพิ่มขึ้นแทน จากเดิมในปีที่ผ่านมา มูลค่าตลาดตู้เย็นอยู่ที่ 1.5 ล้านเครื่อง แบ่งเป็น 1 ประตู 70% และ 2 ประตู 30%
ดังนั้นในปีนี้บริษัทฯจะมุ่งเน้นทำตลาดขนาด 2 ประตูมากขึ้น โดยแนะนำตู้เย็นรุ่นใหม่ขนาด2 ประตู อีก 3 รุ่น ได้แก่ 1.The Glass Collection ขนาด 12.6 คิว, 14.2 คิว 2.The Stainless Collection ขนาด11.7 คิว, 14.1 คิว, 17.6 คิว และ 20.8 คิว โดยทั้ง 2 รุ่นนี้จะมุ่งเน้นจับตลาดระดับบีขึ้นไปจนถึงบีบวกและ 3.The Gorgeous Collection ขนาด10.5 คิว และ 12.4 คิว
การทำตลาดดังกล่าว คาดว่าจะทำให้ในปีนี้ บริษัทฯจะยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดตู้เย็นได้ ด้วยการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ที่ 20% หรือคิดเป็นมูลค่ารายได้ประมาณ 35-38% ของรายได้รวมในปีนี้ ที่คาดว่าจะสูงถึง 5,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 13% แบ่งเป็น หมวดภาพและเสียง 10% เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 55% และไอที 35% จากเดิมในปีผ่านมา มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,400 ล้านบาท เติบโตจากปี 2548 10% มาจาก หมวดภาพและเสียง 15% เครื่องใช้ภายในบ้าน 60% และไอที 25%
นายฮิเดโนริ มัสสุอิ ประธานบริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมตู้เย็นในปีนี้เชื่อว่ายังไม่เติบโต หรือถ้าเติบโตก็อาจจะขยับเพียง 0- 3% เท่านั้น เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับยอดขายของโตชิบาที่คาดว่าจะไม่เติบโตเช่นเดียวกันในปีนี้ ขณะที่ตลาดตู้เย็นเติบโตสูงสุดเพียง 5% เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯจะต้องรักษาความเป็นผู้นำตลาดเอาไว้ 20% ถึงแม้ว่าจะไม่เติบโตขึ้นก็ตาม
แต่สำหรับโตชิบาแล้ว ปีที่ผ่านมากลับมียอดขายเติบโตขึ้นกว่า 30% ทั้งนี้เกิดจาก การที่บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นให้การสนับสนุนการทำตลาดตู้เย็น ขณะที่ในประเทศไทยบริษัทฯมีโรงงานผลิตตู้เย็นถึง 2 โรง อีกทั้งยังมีสินค้ามากมายหลายรุ่นในการทำตลาด จึงทำให้โตชิบาเป็นผู้นำในตลาด โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 20% จากมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 1.5 ล้านเครื่อง แบ่งเป็น 1 ประตู ประมาณ 70% และ 2 ประตู 30%
โดยการทำตลาดนั้น บริษัทฯจะเน้นในเรื่องของนวัตกรรมสินค้า และการออกสินค้าใหม่ เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความต้องการ ที่จะซื้อสินค้านั้นเอง พร้อมกันนี้ยังต้องเน้นในเรื่องของการเจาะกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยสินค้าที่ออกสู่ตลาดจะมีคุณสมบัติและดีไซน์ที่สวยงามขึ้น ขณะเดียวกันระดับราคาก็จะสูงขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่จะทำให้โตชิบา มีรายได้เป็นอันดับหนึ่งในตลาดต่อไป ผ่านงบการตลาดประมาณ 100 ล้านบาท เท่าปีที่ผ่านมา สำหรับทำตลาดตู้เย็น
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวต่อว่า จะเห็นว่าการทำตลาดของโตชิบานั้น จะมุ่งเน้นในเรื่องของกิจกรรมทางการตลาด และกิจกรรมส่งเสริมสังคมมากกว่า การร่วมกับทางพาร์ทเนอร์ เนื่องจากมองว่า ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ การทำกิจกรรมร่วมกับทางพาร์ทเนอร์ จะไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควร แต่ไม่ได้หมายความว่าจะหยุดทำ แต่ต้องคิดให้มากขึ้นว่าเมื่อทำออกมาแล้วจะต้องได้ผลมากที่สุด ดังนั้นในระยะเวลาเช่นนี้ทางบริษัทฯจะเน้นทำกิจกรรมโปรโมชั่นส่งเสริมการขายจับกลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจงทดแทน เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง เช่น ตู้เย็นมัลติ ดอร์ อาจจะนำมาจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการ สำหรับกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยม มากขึ้น
ล่าสุด จากการคาดการณ์ว่าปีนี้ตู้เย็นขนาด 1 ประตูจะลดลง 10% โดยตู้เย็นขนาด 2 ประตูจะมีอัตราความต้องการเพิ่มขึ้นแทน จากเดิมในปีที่ผ่านมา มูลค่าตลาดตู้เย็นอยู่ที่ 1.5 ล้านเครื่อง แบ่งเป็น 1 ประตู 70% และ 2 ประตู 30%
ดังนั้นในปีนี้บริษัทฯจะมุ่งเน้นทำตลาดขนาด 2 ประตูมากขึ้น โดยแนะนำตู้เย็นรุ่นใหม่ขนาด2 ประตู อีก 3 รุ่น ได้แก่ 1.The Glass Collection ขนาด 12.6 คิว, 14.2 คิว 2.The Stainless Collection ขนาด11.7 คิว, 14.1 คิว, 17.6 คิว และ 20.8 คิว โดยทั้ง 2 รุ่นนี้จะมุ่งเน้นจับตลาดระดับบีขึ้นไปจนถึงบีบวกและ 3.The Gorgeous Collection ขนาด10.5 คิว และ 12.4 คิว
การทำตลาดดังกล่าว คาดว่าจะทำให้ในปีนี้ บริษัทฯจะยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดตู้เย็นได้ ด้วยการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ที่ 20% หรือคิดเป็นมูลค่ารายได้ประมาณ 35-38% ของรายได้รวมในปีนี้ ที่คาดว่าจะสูงถึง 5,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 13% แบ่งเป็น หมวดภาพและเสียง 10% เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 55% และไอที 35% จากเดิมในปีผ่านมา มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,400 ล้านบาท เติบโตจากปี 2548 10% มาจาก หมวดภาพและเสียง 15% เครื่องใช้ภายในบ้าน 60% และไอที 25%