xs
xsm
sm
md
lg

คาดบริษัทยาชื่อสามัญควบกิจการเพิ่ม เหตุแรงกดดันราคาในอุตสาหกรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รอยเตอร์ – คาดภาคอุตสาหกรรมยาที่มีชื่อสามัญทางยาของโลก จะมีการควบรวมกิจการ (M&A) มากขึ้น เนื่องจากแรงกดดันด้านราคา หลังจากที่อุตสาหกรรมนี้เฟื่องฟูสูงสุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ยาที่มีชื่อสามัญทางยาราคาถูกทั่วโลกเป็นธุรกิจดีสดใส เนื่องจากบรรดารัฐบาลประเทศต่างๆสนับสนุนการใช้ยาดังกล่าวเพื่อลดค่าใช้จ่าย อีกทั้งยาที่มียี่ห้อและเป็นที่นิยมจำนวนมากขึ้นไม่ได้รับการปกป้องสิทธิบัตร

อย่างไรก็ตาม ความนิยมที่เพิ่มขึ้นนั้นได้ก่อให้เกิดการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นด้วย และทำให้ราคายาที่มีชื่อสามัญทางยาในตลาดสำคัญๆดิ่งลง เนื่องจากมีผู้ผลิตเข้ามาเล่นในตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อินเดีย

ทั้งนี้หลังจากมีการเพิ่มขึ้นของราคาในอัตราตัวเลขสองหลักเมื่อต้นทศวรรษก่อน ราคายาดังกล่าวในสหรัฐฯ ซึ่งสร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมยาทั่วโลกกว่าครึ่ง กลับรูดลงเมื่อปีที่แล้ว

กล่าวได้ว่า นี่คือการผสมผสานของโอกาสการเติบโตและแรงกดดันด้านส่วนต่างของราคา ซึ่งบังคับให้บรรดาบริษัทผู้ผลิตเร่งสร้างการประหยัดจากขนาด

โรเบิร์ต เวสแมน ประธานบริหารของแอ็กทาวิสจากไอซ์แลนด์กล่าวระหว่างการประชุมประจำปีของอินเตอร์เนชันแนล เจเนอริก ฟาร์มาซูทิคอล อัลลิแอนซ์ ในมอลตาว่า “พวกเราจะเห็นการควบรวมกิจการมากขึ้น และผมเชื่อว่า ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า พวกเราจะเห็นผู้เล่นระดับโลกเพียงไม่กี่รายที่ควบคุมตลาดยาที่มีชื่อสามัญทางยา”

อนึ่ง ทางบริษัทของเวสแมนได้ดำเนินการซื้อกิจการ 20 แห่งในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา โดยการซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดคือ การซื้อธุรกิจของอะไมด์ ฟาร์มาซูทิคอล อิงค์ของสหรัฐฯ มูลค่า 600 ล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนที่แล้ว

แม้การซื้อกิจการดังกล่าวถือว่ามีขนาดใหญ่ในแง่ของยาที่มีชื่อสามัญทางยา แต่ยังถือว่ามีมูลค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับข้อตกลงมูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์ของโนวาร์ทิสในการซื้อเฮซัลของเยอรมนี และอิออน แลบส์ของสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ทั้งแซนดอซ บริษัทผลิตยาที่มีชื่อสามัญทางยาในเครือโนวาร์ทิส และเทวา ฟาร์มาซูทิคอล อินดัสทรีส์ของอิสราเอล กำลังขยายอิทธิพลของตนเหนือคู่แข่งในฐานะที่เป็นบริษัทยาที่มีชื่อสามัญทางยายักษ์ใหญ่ 2 แห่งของโลก โดยถือเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับบริษัทยาขนาดเล็กที่จะต่อกรด้วยอินเดียผงาด

ด้านบริษัทแดนภารตะก็เริ่มรุกเข้าตลาดโลกมากขึ้น กล่าวคือ แมทริก แลบอราทอรีส์เตรียมแผนการซื้อหุ้นของด็อกฟาร์มาของเบลเยี่ยมเป็นมูลค่าถึง 238 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการซื้อกิจการต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดของผู้ผลิตยาที่มีชื่อสามัญทางยาแดนภารตะ อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าการซื้อกิจการดังกล่าวอาจไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

ทอมมี เออร์เด จากเอบีเอ็น แอมโร ซึ่งให้คำปรึกษากับด็อกฟาร์มากล่าวว่า “พวกเรามองว่า บริษัทอินเดียกำลังมีบทบาทในเส้นทางอันยิ่งใหญ่ในตอนนี้”

เดวิด มาริส นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา ซิเคียวริตี้ส์ เชื่อว่า จะมีข้อตกลงจำนวนมากในอุตสาหกรรมยาที่มีชื่อสามัญทางยา และบริษัทอินเดียอาจเป็นเป้าหมายของบรรดาบริษัทตะวันตกด้วย”

เขากล่าวต่อว่า “สิ่งแวดล้อมของการกำหนดราคาด้านลบจะก่อให้เกิดการควบรวมกิจการมากขึ้น และบรรดาผู้ผลิตยาต้นทุนต่ำจะกลายเป็นกลุ่มที่มีนวัตกรรมอย่างแท้จริง”

นอกจากอินเดียเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในอุตสาหกรรมยาที่มีชื่อสามัญทางยาแล้ว จีนก็มีบทบาทร้อนแรงเช่นกัน เพราะจะกระตุ้นสภาพแวดล้อมในการแข่งขันอันดุเดือดในอีกหลายปีข้างหน้า

แฟรงก์ คอนเดลลา ประธานฝ่ายปฏิบัติการของไอแว็กซ์กล่าวระหว่างการประชุมว่า “การแข่งขันด้านราคาถูกขับเคลื่อนโดยปริมาณการผลิตที่มากเกินในตลาด เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในอินเดียและที่เตรียมจะลงทุนในจีนด้วย” พร้อมเสริมว่า ทางออกอาจเป็นเรื่องของความร่วมมือระหว่างผู้นำในตลาดที่พัฒนาแล้วและผู้ผลิตต้นทุนต่ำ
กำลังโหลดความคิดเห็น