xs
xsm
sm
md
lg

"พลัส"เล็งปรับเป้ารายได้ใหม่เหตุเศรษฐกิจโตช้าส่งผลอสังหาฯชะลอตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเมธาจันทร์แจ่มจรัส ประธานอำนวยการบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตอย่างชะลอตัว ล่าสุดรัฐบาลได้ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสแรกของปีนี้ลงมาอยู่ที่ระดับ 3.3% ขณะที่ทั้งปีรัฐบาลคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตเฉลี่ยที่ 5-6 % ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสามารถสะท้อนตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นอย่างดี เพราะหากตัวเลขจีดีพีโตอสังหาฯ ก็จะโตตาม แต่หากตัวเลขจีดีพีชะลออสังหาฯก็จะชะลอตัวตามเช่นกัน
ทั้งนี้ภาวะดังกล่าวจะทำให้สินค้าขายได้ช้าลง อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการจะต้องปรับแผนการพัฒนาโครงการให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด รวมถึงที่ตั้งโครงการจะต้องอยู่ในทำเลที่ดีการเดินทางสะดวก นอกจากนี้ยังสินค้าจะต้องมีความแตกต่างจากคู่แข่ง และสิ่งสำคัญที่สุดในปัจจุบันคือ การขายต้องควบคู่ไปกับการบริการลูกค้าจึงจะดึงดูดลูกค้า
นายเมธา กล่าวว่า จากภาวการณ์ชะลอตัวของเศรษฐกิจ ทำให้บริษัทเตรียมพิจารณาที่จะปรับเป้าหมายประมาณการรายได้ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะตลาด ในการประชุมครั้งต่อไป ส่วนจะปรับมากน้อยแค่ไหนนั้นยังไม่สามารถระบุได้ แต่เชื่อว่าคงจะมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก จากเดิมที่ต้นปีบริษัทตั้งเป้ารายได้ทั้งปีจำนวน 2,300 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีทาวน์เฮาส์ที่จะออกมาสู่ตลาดอีก 3 โครงการ
" ในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขาย 1,150 ล้านบาท ในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ 2,300 ล้านบาท เป็นเป้าที่ตั้งไว้เมื่อต้นปี แต่ในช่วงผ่านมา 5 เดือน เศรษฐกิจไม่ค่อยสดใสนักอาจจะต้องมีการปรับเป้าลดลง แต่ในขณะนี้ยังบอกชัดเจนไม่ได้ว่า จะปรับเป้ายอดขายลดลงเหลือเท่าไหร่ แต่คาดว่ายอดขายทั้งปีจะต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ นอกจากนี้เราจะต้องทำงานให้หนักมากขึ้นเพื่อเพิ่มยอดรายได้ อีกทั้งจะต้องออกโปรโมชันอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างยอดขายให้มากขึ้น" นายเมธากล่าว
นอกจากนี้ แผนการพัฒนาโครงการของบริษัทยังจะเน้นความมีเสถียรภาพมากขึ้น คือมีอัตราการเติบโตแบบยังยืนไม่เน้นโตแบบก้าวกระโดดเช่นในช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจากต้องการให้ภายในองค์กรมีการเติบโตตามไปด้วย เพราะที่ผ่านมาบริษัทผลิตสินค้าไม่ทันขาย เนื่องจากแรงงานขาดแคลนซึ่งส่วนใหญ่ไปรับงานโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐเป็นส่วนใหญ่ ทำให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างล่าช้า ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลให้บริษัทสร้างสินค้าไม่ทันขาย อีกทั้งการเปิดโครงการใหม่ยังต้องเลื่อนออกไปด้วย
นายเมธา ยังได้ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับตลาดที่อยู่อาศัย ประเภททาวน์เฮาส์ว่า มีการแข่งขันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ในระดับราคา 1-2 ล้านบาท แต่ตลาดทาวเฮาส์ระดับ 3-5 ล้านบาท กลับแข่งขันไม่รุนแรง และมีผู้พัฒนารายใหญ่อยู่เพียง 4 -5 ราย โดยจะเห็นได้จากโครงการพลัส ซิตี้พาร์ค เกษตร-นวมินทร์ เหลือเพียง 7 ยูนิต จาก 97 ยูนิต และพลัส ซิตี้ พาร์ค ลาดพร้าว 71 เปิดการขายต้นปี 2548 เฟสแรกได้ปิดการขายไปแล้ว ส่วนเฟสสองมียอดขาย 60% รวมแล้วมีเหลือขาย 70 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 200 ล้านบาท
" เชื่อว่าตลาดทาวน์เฮาส์จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเติบโตขึ้นมากส่งผลให้เกิดการแข่งขันมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งจุดนี้เองทำให้ผู้ประกอบการต่างต้องผลักดันและพัฒนาคุณภาพของทาวน์เฮาส์ให้ดียิ่งขึ้นด้วย ส่วนปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาบริโภคทาวน์เฮาส์มากขึ้นนั้น เนื่องจากความต้องการด้านทำเลเป็นหลัก ผู้บริโภคต้องการอยู่ในทำเลที่ดี มีสภาพแวดล้อมที่เป็นเมือง เพราะคำนึงถึงการเดินทางที่สะดวก และที่สำคัญคือ ต้องการพื้นที่ใช้สอยมาก ส่วนปัจจัยเสริม คือ การตั้งราคาขายที่เหตุสมผล และมีบริการเสริมที่มีคุณภาพสามารถอำนวยความสะดวกกับชีวิตลูกบ้าน" นายเมธากล่าว
อย่างไรก็ตามในครึ่งปีหลังนั้น บริษัทวางแผนจะเปิดตัวโครงการทาวน์เฮาส์ พลัส ซิตี้ พาร์ค อีก 3 แห่งได้แก่ พระราม9หัวหมาก ที่จะเปิดขายเป็นโครงการแรก ราคาเริ่มต้น 4.79 ล้านบาท ,สุขุมวิท 101/ 1 และเอกมัย-รามอินทรา รวมมูลค่า 2,100 ล้านบาท รวมยูนิตทั้งสิ้น 517 ยูนิต อย่างไรก็ตามบริษัทมีทาวน์เฮาส์และคอนโดฯที่จะสามารถโอนให้ลูกค้าได้ภายในปีนี้ จำนวน 170 ยูนิต
นอกจากนี้ ภายในปีนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในทำเลแนวรถไฟฟ้าประมาณ 1-2 โครงการ โดยโครงการแรกจะเปิดในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างวางแผนพัฒนาโครงการ คาดว่าจะมีระดับราคาประมาณ 50,000-60,000 บาท/ตร.ม. โดยจะมีจุดขายคือลูกค้าที่ซื้อโครงการไปสามารถปล่อยเช่าได้ง่าย
นายเมธา เผยถึงการสร้างแบรนด์ พลัส ซิตี้พาร์ค ว่า จะมุ่งมั่นที่จะสร้างให้แบรนด์ พลัส ซิตี้พาร์ค ให้เป็นแบรนด์สำหรับทาวน์เฮาส์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง โดยที่ผ่านมาบริษัทใช้เวลาแค่เพียงครึ่งปีในการสร้างให้แบรนด์ "พลัส ซิตี้พาร์ค" ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับของกลุ่มลูกค้า และตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปีจะเป็น 1 ใน 3 อันดับต้นๆที่ลูกค้าจะนึกถึง ทั้งทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียม
ทั้งนี้บริษัทยังคงใช้กลยุทธ์การโฆษณาประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการขาย โดยร่วมกับพันธมิตรชั้นนำร่วมมอบโปรโมชันสุดพิเศษให้แก่ลูกค้า อาทิ บริการ Plus Fast Fix ซึ่งบริการซ่อมเร่งด่วนในช่วง 1 ปีแรกของการอยู่อาศัย บริการ Plus Concierge บริการผู้ช่วยส่วนตัว โดยผนึกกำลังกับกลุ่มพันธมิตรในการมอบสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่าแก่ลูกบ้าน เพื่อให้ทุกชีวิตมีความสุขในการอยู่อาศัย ซึ่งปัจจุบันมีพันธมิตรเข้าร่วมโครงการกว่า 12 ราย อาทิ ร้านกาแฟโซเวนเต้, วิลล่า มาร์เก็ต, Auto Gym เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น