โดย ถนอม พิพิธยากร
นายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เตรียมปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระทรวงครั้งใหญ่ รองรับการเปลี่ยนแปลงการบริหารประเทศ กำหนดมิติโครงสร้างการทำงาน เพื่อผลักดันไทยให้พร้อมในการแข่งขันบนเวทีโลก พร้อมขอความร่วมมือคนไทยช่วยกันประหยัดพลังงาน แต่ถ้าไม่ได้ผล พร้อมควบคุมการนำเข้าพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมัน ซึ่งทำให้ไทยขาดดุลการค้าเกือบ 2 แสนล้านบาท 4 เดือนแรกปีนี้ โดยจะเป็นทางเลือกสุดท้าย
รวมถึงรวมกระทรวงพาณิชย์-อุตสาหกรรม เป็นกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า รูปแบบเดียวกับกระทรวงมิติ (MEITI) ญี่ปุ่น โดยจะดูครบทั้งกระบวนการผลิต-การค้า ดึงงานกำกับดูแลสถาบันการเงิน-สถาบันประกันเงินฝาก จากแบงก์ชาติ (ธปท.) รวมทั้งบริษัทประกันชีวิต จากกระทรวงพาณิชย์ ให้คลังดูแล โดย ธปท. จะดูแลนโยบายการเงิน อัตราดอกเบี้ย-เงินเฟ้อ เป็นหลัก
ยุบกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมกับกระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ เปลี่ยนชื่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกระทรวงเกษตรและอาหาร ทำหน้าที่ดูแลการผลิต ถึงขายสินค้า พร้อมรับฟังความเห็นประชาชนกรณีนี้เต็มที่
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลมีแนวคิดจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระทรวงต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะรวมกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อเป็นกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า รูปแบบเดียวกับกระทรวงมิติ (MEITI) ญี่ปุ่น โดยจะดูครบทั้งกระบวนการผลิตและการค้า
นอกจากนี้ จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระทรวงการคลัง โดยจะเพิ่มงานกำกับดูแลสถาบันการเงิน และสถาบันประกันเงินฝาก ซึ่งอยู่ในการดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมทั้งดูแลบริษัทประกันชีวิต ที่กระทรวงพาณิชย์ดูแลอยู่ขณะนี้ ซึ่งต่อไป แบงก์ชาติจะดูแลนโยบายการเงิน อัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ เป็นหลัก รวมทั้งยังจะนำกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมกับกระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ
ส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะแยกเหลืองานด้านท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว เนื่องจากการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นส่วนที่ทำรายได้สำคัญให้ประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ส่วนด้านกีฬา จะให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดูแลแทน
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวต่อว่า จะเพิ่มงานอุตสหากรรมปิโตรเคมี และไบโอดีเซล ให้กระทรวงพลังงาน ดูแล ขณะที่กระทรวงกลาโหม จะปรับลดขนาดสำนักงานปลัดกระทรวง และกองบัญชาการทหารสูงสุด ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเปลี่ยนชื่อเป็นกระทรวงเกษตรและอาหาร ทำหน้าที่ดูแลตั้งแต่การผลิต จนถึงขายสินค้า
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะให้มีหน้าที่ดูแลจัดการทรัพยากร ทั้งดิน น้ำ ป่า และสิ่งแวดล้อมทั้งระบบ จากปัจจุบัน บางส่วนอยู่ภายใต้การดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พร้อมกันนี้ จะไม่มีการตั้งกระทรวงความมั่นคง แต่จะปรับเปลี่ยนงานสภาความมั่นคงแห่งชาติใหม่ เพื่อให้สอดคล้องการดูแลความมั่นคงขณะนี้ รวมทั้งต้องปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากจะมี 18 กระทรวงเหลืออยู่ จากปัจจุบัน 20 กระทรวง แต่จำนวนรัฐมนตรี จะเท่าเดิม
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าโครงสร้างการบริหารงานของรัฐบาลรูปแบบใหม่ จะจะเร่งผลักดันให้เร็วที่สุด เรื่องนี้ ต้องรับฟังความเห็นประชาชนด้วย
อาจคุมนำเข้าน้ำมัน
นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า หนักใจกับปัญหาขาดดุลการค้าของไทย ช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ เกือบ 2 แสนล้านบาท สาเหตุจาก 3 ส่วน คือ เศรษฐกิจไทยฟื้นจากวิกฤตปี 2540 ทำให้ลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อขยายการผลิต นำเข้าสินค้าทุนเพื่อเป็นวัตถุดิบผลิตเพื่อการส่งออก และราคาน้ำมันแพงขึ้นมาก
แนวทางแก้ปัญหา ต้องหันมาใช้วัตถุดิบผลิตในประเทศให้มาก รวมทั้งรณรงค์ประหยัดพลังงาน นายกรัฐมนตรีขอให้คนไทยร่วมใจกันประหยัดพลังงานจริงจัง แต่หากยังไม่ได้ผล รัฐบาลอาจต้องควบคุมปริมาณนำเข้าพลังงานไม่ให้มากเกินไป แม้จะไม่อยากใช้ก็ตาม
รัฐบาลเดินหน้าปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานเต็มที่ รวมถึงผลักดันเศรษฐกิจ-สังคมไทย ให้ขยายตัวยั่งยืน แข่งขันกับนานาชาติได้ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากคนไทยทุกหมู่เหล่า อย่างพร้อมเพรียงกัน
นายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เตรียมปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระทรวงครั้งใหญ่ รองรับการเปลี่ยนแปลงการบริหารประเทศ กำหนดมิติโครงสร้างการทำงาน เพื่อผลักดันไทยให้พร้อมในการแข่งขันบนเวทีโลก พร้อมขอความร่วมมือคนไทยช่วยกันประหยัดพลังงาน แต่ถ้าไม่ได้ผล พร้อมควบคุมการนำเข้าพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมัน ซึ่งทำให้ไทยขาดดุลการค้าเกือบ 2 แสนล้านบาท 4 เดือนแรกปีนี้ โดยจะเป็นทางเลือกสุดท้าย
รวมถึงรวมกระทรวงพาณิชย์-อุตสาหกรรม เป็นกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า รูปแบบเดียวกับกระทรวงมิติ (MEITI) ญี่ปุ่น โดยจะดูครบทั้งกระบวนการผลิต-การค้า ดึงงานกำกับดูแลสถาบันการเงิน-สถาบันประกันเงินฝาก จากแบงก์ชาติ (ธปท.) รวมทั้งบริษัทประกันชีวิต จากกระทรวงพาณิชย์ ให้คลังดูแล โดย ธปท. จะดูแลนโยบายการเงิน อัตราดอกเบี้ย-เงินเฟ้อ เป็นหลัก
ยุบกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมกับกระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ เปลี่ยนชื่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกระทรวงเกษตรและอาหาร ทำหน้าที่ดูแลการผลิต ถึงขายสินค้า พร้อมรับฟังความเห็นประชาชนกรณีนี้เต็มที่
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลมีแนวคิดจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระทรวงต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะรวมกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อเป็นกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า รูปแบบเดียวกับกระทรวงมิติ (MEITI) ญี่ปุ่น โดยจะดูครบทั้งกระบวนการผลิตและการค้า
นอกจากนี้ จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระทรวงการคลัง โดยจะเพิ่มงานกำกับดูแลสถาบันการเงิน และสถาบันประกันเงินฝาก ซึ่งอยู่ในการดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมทั้งดูแลบริษัทประกันชีวิต ที่กระทรวงพาณิชย์ดูแลอยู่ขณะนี้ ซึ่งต่อไป แบงก์ชาติจะดูแลนโยบายการเงิน อัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ เป็นหลัก รวมทั้งยังจะนำกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมกับกระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ
ส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะแยกเหลืองานด้านท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว เนื่องจากการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นส่วนที่ทำรายได้สำคัญให้ประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ส่วนด้านกีฬา จะให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดูแลแทน
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวต่อว่า จะเพิ่มงานอุตสหากรรมปิโตรเคมี และไบโอดีเซล ให้กระทรวงพลังงาน ดูแล ขณะที่กระทรวงกลาโหม จะปรับลดขนาดสำนักงานปลัดกระทรวง และกองบัญชาการทหารสูงสุด ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเปลี่ยนชื่อเป็นกระทรวงเกษตรและอาหาร ทำหน้าที่ดูแลตั้งแต่การผลิต จนถึงขายสินค้า
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะให้มีหน้าที่ดูแลจัดการทรัพยากร ทั้งดิน น้ำ ป่า และสิ่งแวดล้อมทั้งระบบ จากปัจจุบัน บางส่วนอยู่ภายใต้การดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พร้อมกันนี้ จะไม่มีการตั้งกระทรวงความมั่นคง แต่จะปรับเปลี่ยนงานสภาความมั่นคงแห่งชาติใหม่ เพื่อให้สอดคล้องการดูแลความมั่นคงขณะนี้ รวมทั้งต้องปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากจะมี 18 กระทรวงเหลืออยู่ จากปัจจุบัน 20 กระทรวง แต่จำนวนรัฐมนตรี จะเท่าเดิม
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าโครงสร้างการบริหารงานของรัฐบาลรูปแบบใหม่ จะจะเร่งผลักดันให้เร็วที่สุด เรื่องนี้ ต้องรับฟังความเห็นประชาชนด้วย
อาจคุมนำเข้าน้ำมัน
นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า หนักใจกับปัญหาขาดดุลการค้าของไทย ช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ เกือบ 2 แสนล้านบาท สาเหตุจาก 3 ส่วน คือ เศรษฐกิจไทยฟื้นจากวิกฤตปี 2540 ทำให้ลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อขยายการผลิต นำเข้าสินค้าทุนเพื่อเป็นวัตถุดิบผลิตเพื่อการส่งออก และราคาน้ำมันแพงขึ้นมาก
แนวทางแก้ปัญหา ต้องหันมาใช้วัตถุดิบผลิตในประเทศให้มาก รวมทั้งรณรงค์ประหยัดพลังงาน นายกรัฐมนตรีขอให้คนไทยร่วมใจกันประหยัดพลังงานจริงจัง แต่หากยังไม่ได้ผล รัฐบาลอาจต้องควบคุมปริมาณนำเข้าพลังงานไม่ให้มากเกินไป แม้จะไม่อยากใช้ก็ตาม
รัฐบาลเดินหน้าปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานเต็มที่ รวมถึงผลักดันเศรษฐกิจ-สังคมไทย ให้ขยายตัวยั่งยืน แข่งขันกับนานาชาติได้ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากคนไทยทุกหมู่เหล่า อย่างพร้อมเพรียงกัน