นายพงษ์พันธ์ สัมภวคุปต์ ประธานกรรมการ บริษัท แกรนด์ แอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีที่2547ผ่านมากลุ่มบริษัท แกรนด์ แอสเสทฯ มีรายได้จากการบริหารงานรวม 893.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี2546 ที่มีรายได้ที่ 388.7 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 156.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี2546ที่มีผลประกอบการขาดทุนอยู่ 26.5 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ จากผลประกอบการ 592 %
ทั้งนี้ รายได้ดังกล่าวมาจากผลประกอบการของธุรกิจ 2 ส่วน คือ 1.ในส่วนของธุรกิจโรงแรม ประมาณ 47 %ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี46 เนื่องจากอัตราค่าห้องพักของโรงแรมที่เพิ่มสูงขึ้น และ 2.รายได้ที่มาจากผลประกอบการธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ 53 % จากการเริ่มรับรู้รายได้จาดยอดขายในโครงการหัวหิน แกรนด์ คอนโดมิเนียม และวิลล่า จำนวน 356.7 ล้านบาท
สำหรับในปี 2548 บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้เติบโตเท่ากับปี 2547 โดยรายได้ดังกล่าวจะมาจากธุรกิจโรงแรมประมาณ 35% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากผลประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 75 %
ซึ่งการที่สัดส่วนรายได้ในส่วนของธุรกิจอสังหาฯเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากในปี48 บริษัทจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมินเนียมที่เปิดตัวในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการพัฒนาโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจโรงแรมเพิ่มอีก โดยแบ่งเป็นโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์ คือ โครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการหัวหิน แกรนด์ คอนโดมิเนียม มูลค่า 1,250 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มทยอยรับรู้รายได้แล้ว คาดว่าในปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้สูงถึง 70 % จากมูลค่าขายและปิดการขายได้ในปีนี้ 2.โครงการเดอะเทรนดี้ คอนโดมิเนียม สุขุมวิท มูลค่าโครงการ 2,750 ล้านบาท จะสามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป และคาด ถึงสิ้นนปีจะรับรู้รายได้ประมาณ 50 % 3. โครงการเดอะรีเจ้นท์ เรสซิเด้นซ์ สุขุมวท 31 มูลค่าขาย 3,000ล้านบาท โดยในปีนี้คาดว่าจะสามรถรับรู้รายได้ไม่เกิน 10 %
ส่วนการลงทุนด้านธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว มีจำนวน 4 แห่ง ประกอบด้วย 1.โรงแรมคราวน์ พลาซ่า มูลค่าลงทุน1,650 ล้านบาท 2. โรงแรมเดอะรีเจนท์ แบงคอก ใช้เงินลงทุน 1,970 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2550 และ3. โรงแรมเชอราตัน หัวหินรีสอร์ท ใช้เงินลงทุน 830 ล้านบาทคาดว่าจะเปิดให้บริการต้นปี 2549 นี้ 4. โรงแรมโฟร์ พอยท์ เชอราตัน ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ใช้เงินลงทุน 630 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปลายปี 2548นี้
ทั้งนี้ รายได้ดังกล่าวมาจากผลประกอบการของธุรกิจ 2 ส่วน คือ 1.ในส่วนของธุรกิจโรงแรม ประมาณ 47 %ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี46 เนื่องจากอัตราค่าห้องพักของโรงแรมที่เพิ่มสูงขึ้น และ 2.รายได้ที่มาจากผลประกอบการธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ 53 % จากการเริ่มรับรู้รายได้จาดยอดขายในโครงการหัวหิน แกรนด์ คอนโดมิเนียม และวิลล่า จำนวน 356.7 ล้านบาท
สำหรับในปี 2548 บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้เติบโตเท่ากับปี 2547 โดยรายได้ดังกล่าวจะมาจากธุรกิจโรงแรมประมาณ 35% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากผลประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 75 %
ซึ่งการที่สัดส่วนรายได้ในส่วนของธุรกิจอสังหาฯเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากในปี48 บริษัทจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมินเนียมที่เปิดตัวในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการพัฒนาโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจโรงแรมเพิ่มอีก โดยแบ่งเป็นโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์ คือ โครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการหัวหิน แกรนด์ คอนโดมิเนียม มูลค่า 1,250 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มทยอยรับรู้รายได้แล้ว คาดว่าในปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้สูงถึง 70 % จากมูลค่าขายและปิดการขายได้ในปีนี้ 2.โครงการเดอะเทรนดี้ คอนโดมิเนียม สุขุมวิท มูลค่าโครงการ 2,750 ล้านบาท จะสามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป และคาด ถึงสิ้นนปีจะรับรู้รายได้ประมาณ 50 % 3. โครงการเดอะรีเจ้นท์ เรสซิเด้นซ์ สุขุมวท 31 มูลค่าขาย 3,000ล้านบาท โดยในปีนี้คาดว่าจะสามรถรับรู้รายได้ไม่เกิน 10 %
ส่วนการลงทุนด้านธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว มีจำนวน 4 แห่ง ประกอบด้วย 1.โรงแรมคราวน์ พลาซ่า มูลค่าลงทุน1,650 ล้านบาท 2. โรงแรมเดอะรีเจนท์ แบงคอก ใช้เงินลงทุน 1,970 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2550 และ3. โรงแรมเชอราตัน หัวหินรีสอร์ท ใช้เงินลงทุน 830 ล้านบาทคาดว่าจะเปิดให้บริการต้นปี 2549 นี้ 4. โรงแรมโฟร์ พอยท์ เชอราตัน ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ใช้เงินลงทุน 630 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปลายปี 2548นี้