โดย ถนอม พิพิธยากร
นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ปฐมนิเทศคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ หลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้ง พ.ต.ท. ทักษิณ กลับมาเป็นผู้นำรัฐบาลอีกครั้ง รวมถึงโปรดเกล้าฯ ครม. ชุดใหม่เข้าเฝ้า ขณะที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าเร่งแก้ปัญหาภัยแล้ง สนองพระราชดำรัสในหลวง ที่ทรงห่วงใยปัญหานี้มาก รัฐบาลยังจะเร่งแก้ปัญหาความยากจน
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการปฐมนิเทศ (Orientation) คณะรัฐมนตรีเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย หลังจากพรรคไทยรักไทยได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว แบบเบ็ดเสร็จ
จุดมุ่งหมายหลักของการปฐมนิเทศ เพื่อปรับฐานความเข้าใจของคณะรัฐมนตรีรัฐบาลทักษิณ 2/1 รวมถึงวิธีการบริหารจัดการประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ-การเมือง-สังคม จากทั่วโลก ท่ามกลางแนวโน้มโลกาภิวัฒน์ (Globalization) ที่พลวัตรทุกด้านทั่วโลก เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
การปฐมนิเทศ นายกรัฐมนตรีต้องการชี้ให้ ครม. ชุดใหม่ รับทราบทิศทางนโยบาย-แนวทางดำเนินการ ของรัฐบาลอีก 4 ปีข้างหน้า ว่าจะเดินไปทางไหน อย่างไร
ซึ่งการปฐมนิเทศ มีการเชิญข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ รวมถึงผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม ดร. อำพน กิตติอำพน ผู้อำนวยการ บมจ. อสมท. นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ให้ข้อมูลด้านการเงิน-การคลัง แผนการพัฒนาประเทศ รวมถึงการปฏิรูปกฎหมาย เพื่อให้คณะรัฐมนตรีเข้าใจตรงกัน
รัฐบาลยังเตรียมใช้ระบบบริหารจัดการผ่านระบบแผนที่ภูมิศาสตร์แบบทันสมัย (Geographical Information System-GIS) เชื่อมโยงระบบบริหารจัดการข้อมูล (Management Information System) สมัยใหม่ เพื่อให้รัฐบาลมีข้อมูลในการบริหารจัดการทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อจัดสรรงบประมาณ-ทรัพยากรเข้าสู่แต่ละพื้นที่อย่างถูกต้อง พอเหมาะ ไม่ซ้ำซ้อน เช่น การจัดสรรที่ดินทำกินให้คนไทยทั่วประเทศ ผ่าน สปก.
ขณะที่รัฐบาลจะใช้เทคโนโลยีอื่น ๆ เข้ามาช่วยบริหารประเทศ รวมถึงการออกบัตรประชาชน ที่มีชิพเพื่อการรวบรวมข้อมูล (Smart Cards) ฝังอยู่ เชื่อมโยงข้อมูลหน่วยราชการต่าง ๆ ทั่วประเทศ ผ่านระบบเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) ลดความซ้ำซ้อนการจัดสรรทรัพยากรทุกด้าน เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การพัฒนาอีกระดับจากปัจจุบัน ซึ่งจะทันสมัย และมีประสิทธิภาพ อย่างมาก
ขณะที่นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ยังเตือนสติ ครม ชุดใหม่ ว่าระบบโลกาภิวัฒน์ (Globalization) จะก่อให้เกิดทั้งผลดี-เสีย กับสังคม-เศรษฐกิจไทย ทั้งการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของคน ทุน องค์ความรู้ แทบจะไร้พรมแดน ไปทั่วโลก
ขณะที่ในแง่ลบ ระบบโลกาภิวัฒน์ จะทำให้การก่อการร้าย โรคระบาด ระบาดอย่างรวดเร็วทั่วโลก ซึ่งนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณย้ำว่า หากประเทศไทยมัวแต่ตั้งรับ จะเหนื่อยตลอด ต้องหันมาทำงานเชิงรุก แทนที่ โดยเฉพาะ 4 ปีข้างหน้านี้ อย่างต่อเนื่อง
พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจะเดินทางกลับจากญี่ปุ่นถึงไทยพรุ่งนี้ (21 มี.ค.) กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมัน ว่าขณะนี้ แม้ราคาน้ำมันเบนซินในไทยลอยตัว แต่ราคาน้ำมันดีเซลยังอุดหนุนอยู่มาก แนวโน้มราคาปรับขึ้นไม่หยุดหย่อน
ดังนั้น การแก้ปัญหา จำเป็นต้องหาแนวทางเพิ่มราคาน้ำมันดีเซล แต่ต้องให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้น จะทำให้สับสน ทั้งจากคาดการณ์ของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และราคาสินค้า ต้องสรุปให้ชัดเจน และประกาศให้ประชาชนทราบ แต่การขึ้นราคาอาจ จะขึ้นเป็นบันได เพราะไม่อยากให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยกระทบรุนแรง ขณะนี้ รัฐบาลกำลังพยายามจะตัดสินใจให้ชัดเจน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าสัปดาห์นี้ จะมีความชัดเจน “อยากให้พี่น้องคนไทย ที่เคารพรักทุกท่าน ช่วยกันประหยัดพลังงานกันคนละเล็กคนละน้อยนะครับ เพราะว่าการประหยัดพลังงาน จะเป็นเรื่องหัวใจสำคัญ”
รัฐบาลจะประชุมข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เพื่อชี้แจงแนวทางนโยบายต่างๆ นอกจากนั้น พ.ต.ท. ทักษิณยืนยันว่าจะเดินทางพบปะกับประชาชนตามภาคต่างๆ เพื่อรับฟังปัญหาต่างๆ และแนวทางแก้ปัญหา โดยปัญหาความยากจน รวมถึงปัญหาภัยแล้ง ที่ในหลวงทรงห่วงใยอย่างมาก ต้องรีบดำเนินการโดยด่วน โครงการเอสเอ็มแอล ซึ่งต้องใช้งบประมาณกลางปี เพื่อเบิกจ่ายให้หมู่บ้านขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ทั่วประเทศ เนื่องจากปีนี้ รายได้สูงกว่าประมาณการอยู่
รัฐบาลชุดใหม่ กำลังพยายามเดินหน้าสานต่อการพัฒนาประเทศ เพื่อยกระดับการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจ-สังคมของประเทศ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือ ร่วมใจ ความเข้าใจ จากคนไทยทุกหมู่เหล่า เพื่อให้ภารกิจเหล่านี้ ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย
นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ปฐมนิเทศคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ หลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้ง พ.ต.ท. ทักษิณ กลับมาเป็นผู้นำรัฐบาลอีกครั้ง รวมถึงโปรดเกล้าฯ ครม. ชุดใหม่เข้าเฝ้า ขณะที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าเร่งแก้ปัญหาภัยแล้ง สนองพระราชดำรัสในหลวง ที่ทรงห่วงใยปัญหานี้มาก รัฐบาลยังจะเร่งแก้ปัญหาความยากจน
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการปฐมนิเทศ (Orientation) คณะรัฐมนตรีเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย หลังจากพรรคไทยรักไทยได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว แบบเบ็ดเสร็จ
จุดมุ่งหมายหลักของการปฐมนิเทศ เพื่อปรับฐานความเข้าใจของคณะรัฐมนตรีรัฐบาลทักษิณ 2/1 รวมถึงวิธีการบริหารจัดการประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ-การเมือง-สังคม จากทั่วโลก ท่ามกลางแนวโน้มโลกาภิวัฒน์ (Globalization) ที่พลวัตรทุกด้านทั่วโลก เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
การปฐมนิเทศ นายกรัฐมนตรีต้องการชี้ให้ ครม. ชุดใหม่ รับทราบทิศทางนโยบาย-แนวทางดำเนินการ ของรัฐบาลอีก 4 ปีข้างหน้า ว่าจะเดินไปทางไหน อย่างไร
ซึ่งการปฐมนิเทศ มีการเชิญข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ รวมถึงผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม ดร. อำพน กิตติอำพน ผู้อำนวยการ บมจ. อสมท. นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ให้ข้อมูลด้านการเงิน-การคลัง แผนการพัฒนาประเทศ รวมถึงการปฏิรูปกฎหมาย เพื่อให้คณะรัฐมนตรีเข้าใจตรงกัน
รัฐบาลยังเตรียมใช้ระบบบริหารจัดการผ่านระบบแผนที่ภูมิศาสตร์แบบทันสมัย (Geographical Information System-GIS) เชื่อมโยงระบบบริหารจัดการข้อมูล (Management Information System) สมัยใหม่ เพื่อให้รัฐบาลมีข้อมูลในการบริหารจัดการทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อจัดสรรงบประมาณ-ทรัพยากรเข้าสู่แต่ละพื้นที่อย่างถูกต้อง พอเหมาะ ไม่ซ้ำซ้อน เช่น การจัดสรรที่ดินทำกินให้คนไทยทั่วประเทศ ผ่าน สปก.
ขณะที่รัฐบาลจะใช้เทคโนโลยีอื่น ๆ เข้ามาช่วยบริหารประเทศ รวมถึงการออกบัตรประชาชน ที่มีชิพเพื่อการรวบรวมข้อมูล (Smart Cards) ฝังอยู่ เชื่อมโยงข้อมูลหน่วยราชการต่าง ๆ ทั่วประเทศ ผ่านระบบเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) ลดความซ้ำซ้อนการจัดสรรทรัพยากรทุกด้าน เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การพัฒนาอีกระดับจากปัจจุบัน ซึ่งจะทันสมัย และมีประสิทธิภาพ อย่างมาก
ขณะที่นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ยังเตือนสติ ครม ชุดใหม่ ว่าระบบโลกาภิวัฒน์ (Globalization) จะก่อให้เกิดทั้งผลดี-เสีย กับสังคม-เศรษฐกิจไทย ทั้งการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของคน ทุน องค์ความรู้ แทบจะไร้พรมแดน ไปทั่วโลก
ขณะที่ในแง่ลบ ระบบโลกาภิวัฒน์ จะทำให้การก่อการร้าย โรคระบาด ระบาดอย่างรวดเร็วทั่วโลก ซึ่งนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณย้ำว่า หากประเทศไทยมัวแต่ตั้งรับ จะเหนื่อยตลอด ต้องหันมาทำงานเชิงรุก แทนที่ โดยเฉพาะ 4 ปีข้างหน้านี้ อย่างต่อเนื่อง
พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจะเดินทางกลับจากญี่ปุ่นถึงไทยพรุ่งนี้ (21 มี.ค.) กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมัน ว่าขณะนี้ แม้ราคาน้ำมันเบนซินในไทยลอยตัว แต่ราคาน้ำมันดีเซลยังอุดหนุนอยู่มาก แนวโน้มราคาปรับขึ้นไม่หยุดหย่อน
ดังนั้น การแก้ปัญหา จำเป็นต้องหาแนวทางเพิ่มราคาน้ำมันดีเซล แต่ต้องให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้น จะทำให้สับสน ทั้งจากคาดการณ์ของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และราคาสินค้า ต้องสรุปให้ชัดเจน และประกาศให้ประชาชนทราบ แต่การขึ้นราคาอาจ จะขึ้นเป็นบันได เพราะไม่อยากให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยกระทบรุนแรง ขณะนี้ รัฐบาลกำลังพยายามจะตัดสินใจให้ชัดเจน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าสัปดาห์นี้ จะมีความชัดเจน “อยากให้พี่น้องคนไทย ที่เคารพรักทุกท่าน ช่วยกันประหยัดพลังงานกันคนละเล็กคนละน้อยนะครับ เพราะว่าการประหยัดพลังงาน จะเป็นเรื่องหัวใจสำคัญ”
รัฐบาลจะประชุมข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เพื่อชี้แจงแนวทางนโยบายต่างๆ นอกจากนั้น พ.ต.ท. ทักษิณยืนยันว่าจะเดินทางพบปะกับประชาชนตามภาคต่างๆ เพื่อรับฟังปัญหาต่างๆ และแนวทางแก้ปัญหา โดยปัญหาความยากจน รวมถึงปัญหาภัยแล้ง ที่ในหลวงทรงห่วงใยอย่างมาก ต้องรีบดำเนินการโดยด่วน โครงการเอสเอ็มแอล ซึ่งต้องใช้งบประมาณกลางปี เพื่อเบิกจ่ายให้หมู่บ้านขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ทั่วประเทศ เนื่องจากปีนี้ รายได้สูงกว่าประมาณการอยู่
รัฐบาลชุดใหม่ กำลังพยายามเดินหน้าสานต่อการพัฒนาประเทศ เพื่อยกระดับการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจ-สังคมของประเทศ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือ ร่วมใจ ความเข้าใจ จากคนไทยทุกหมู่เหล่า เพื่อให้ภารกิจเหล่านี้ ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย