บาจาฮึดสู้ ไล่กวดทวงแชมป์ตลาดรองเท้านักเรียนคืน งัดกลยุทธ์ราคาสู้ดึงแชร์คืน เปิดตัว 3 โปรเจ็คต์ถล่มคู่แข่ง ชูราคา 189 บาททุกเบอร์ทั่วประเทศ หวังผ่อนภาระหนักเป็นเบาท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจ พร้อมเจาะตลาดระดับนักศึกษาชัดเจนเป็นปีแรก ทุ่มงบตลาดเพิ่มเท่าตัว หวังดันยอดขายเพิ่ม 10 %
นายอัลเบอร์โต้ เออร์ริโก้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รองเท้าบาจาแห่งประทศไทย จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า บาจามีเป้าหมายจะกลับมาเป็นผู้นำตลาดรองเท้านักเรียนอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นมาแล้วและได้สูญเสียตำแหน่งผู้นำไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีแผนการตลาดและ การออกสินค้าใหม่ รวมทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์เต็มที่ ซึ่งตั้งเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายโดยรวมของบาจาทั้งหมดที่ 10%
ผู้สื่อข่าวรายงาน เพิ่มเติมว่า ปัจจุบันตลาดรองเท้านักเรียนโดยรวมมีมูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งรองเท้าบาจาอยู่ในอันดับที่สี่ จากเดิมที่เคยเป็นผู้นำตลาดมาก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรงของตลาด รวมทั้งการมีผู้ประกอบการเป็นจำนวนมากทั้งที่มีแบรนด์และไม่มีแบรนด์
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทฯได้ดำเนินกลยุทธ์ทางด้านราคามาใช้โดยผ่านการทำตลาดของรองเท้านักเรียน 3 รุ่น คือ 1.รุ่น 185 ซึ่งจะจำหน่ายรองเท้านักเรียนราคาเดียว 189 บาท ทุกเบอร์ ทุกแบบทั้งชายหญิง ทั่วประเทศ 2.รุ่นพิเศษ ราคาเดิมแต่แถมถุงเท้า 1 คู่ สำหรับผู้หญิงชื่อรุ่น B-COOL ราคาตั้งแต่ 209-269 บาท ส่วนผู้ชายชื่อรุ่น TURBO X ราคาตั้งแต่ 249-309 บาท และ 3.รุ่นแบ็คทูยูนิเวอร์ซิตี้ ราคา 299-399 บาทสำหรับผู้หญิง และราคา 349-399 บาทสำหรับผู้ชาย
โดยมีการเรียกดีลเลอร์ของบาจาทั่วประเทศประมาณ 200กว่าราย จากทั้งหมด 1,000 กว่าราย เพื่อมาร่วมงานเปิดตัว เมื่อวานนี้ เพื่อเปิดเผยเกี่ยวกับแผนการตลาดและเปิดตัวรองเท้ารุ่นใหม่รวมทั้งรับคำสั่งซื้อ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก แต่ยังไม่ได้สรุปตัวเลขยอดสั่งซื้อทั้งหมด
เขากล่าวด้วยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายจากการรุกตลาดด้วย 3 รุ่นนี้ประมาณ 1.5 ล้านคู่ เพิ่มจากปีที่แล้ว 50% โดยคาดว่า รุ่น 189 จะเป็นตัวที่ทำรายได้ให้กับบริษัทมากที่สุดจาก 3 รุ่นดังกล่าว เนื่องจากว่า เป็นราคาที่ต่ำมาก ในท้องตลาดคู่แข่งไม่มีใครทำราคานี้ได้ และเป็นรุ่นพิเศษที่บริษัทฯผลิตออกมา ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วราคาในท้องตลาดจะอยู่ระดับ 249 บาทขึ้นไป ส่วนรุ่นแบ็คทูยูนิเวอร์ซิตี้นั้น คาดว่าจะมียอดขายเป็น 1 แสนคู่ จากปีที่แล้วทำได้ 50,000 คู่
ปีนี้ยังเป็นปีแรกที่บริษัทฯหันมามุ่งเน้นตลาดกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเพิ่มมากขึ้นด้วย จากเดิมที่ที่ปีแล้วไม่ได้ทำตลาดมาก เพียงวางจำหน่ายสินค้าเท่านั้น ปีนี้จะเน้นตลาดเหมือนกับตลาดกลุ่มรองเท้านักเรียนทั่วไปด้วย
สาเหตุที่บาจาสามารถจำหน่ายในราคาที่ต่ำมากทั้งรุ่น 189 บาท หรือรุ่นแบ็คทูสคูลนั้นเนื่องมาจากว่า บริษัทฯมีปริมาณการผลิตจำนวนมากจากโรงงานบาจาในประเทศไทย โดยมีออเดอร์รับผลิตและส่งให้กับบาจาในต่างประเทศด้วย เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ตะวันออกกลาง ทำให้เกิดปริมาณผลิตมาก ส่งผลให้ต้นทุนต่ำตามไปด้วย จึงทำให้สามารถตั้งราคาขายที่ต่ำ แต่ยังคงคุณภาพเอาไว้เหมือนเดิม โดยจะจำหน่ายราคาดังกล่าวไปตลอดปีนี้ไม่ได้ทำแค่ช่วงโปรโมชั่น ส่วนปีหน้าจะทำต่อหรือไม่นั้นจะต้องดูการตอบรับของตลาดและความเหมาะสมอีกครั้ง
นอกจากนั้นปีนี้ยังได้เพิ่มงบประมาณด้านการตลาดทั้งโฆษณาประชาสัมพันธ์กว่า 100% เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการรุกตลาด โดยจะมีการลงสื่อโฆษณาทั้งสื่อทีวี สื่อสิ่งพิมพ์กระจายทั่วประเทศ และยังเป็นปีแรกที่บริษัทได้เซ็นสัญญาเป็นผู้สนับสนุนรายการเกมเศรษฐีของนายไตรภพ ลิมปพัทธ์ ทางช่องไอทีวีเป็นเวลานาน 4 เดือน เพื่อตอกย้ำแบรนด์บาจาอีกด้วย
ขณะเดียวกันก็ยังมีการลงโฆษณาสื่อทีวีในช่วงไพร์มไทม์ละครหลังข่าว ภาคค่ำ ช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 7 รายการเกมทศกัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีอยู่ในช่วงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคมปีนี้ แล้วแต่รายการ
สำหรับเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่ม 6 จังหวัดภาคใต้นั้น เขากล่าวว่า บาจาได้บริจาครองเท้าแตะจำนวน 2,500 คู่ มูลค่ากว่า 3 แสนบาท ให้กับผู้ที่ประสบภัยพิบัติดังกล่าว เพื่อนำไปใช้ใส่สำหรับการเดินเท้าที่ลำบากกับพื้นที่มีโคลน อีกทั้งอยู่ระหว่างการหาวิธีช่วยเหลือทางอื่นอีกด้วย เพราะบริษัทมีช่องทางจำหน่ายอยู่ทั่วประเทศ
นายอัลเบอร์โต้ เออร์ริโก้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รองเท้าบาจาแห่งประทศไทย จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า บาจามีเป้าหมายจะกลับมาเป็นผู้นำตลาดรองเท้านักเรียนอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นมาแล้วและได้สูญเสียตำแหน่งผู้นำไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีแผนการตลาดและ การออกสินค้าใหม่ รวมทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์เต็มที่ ซึ่งตั้งเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายโดยรวมของบาจาทั้งหมดที่ 10%
ผู้สื่อข่าวรายงาน เพิ่มเติมว่า ปัจจุบันตลาดรองเท้านักเรียนโดยรวมมีมูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งรองเท้าบาจาอยู่ในอันดับที่สี่ จากเดิมที่เคยเป็นผู้นำตลาดมาก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรงของตลาด รวมทั้งการมีผู้ประกอบการเป็นจำนวนมากทั้งที่มีแบรนด์และไม่มีแบรนด์
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทฯได้ดำเนินกลยุทธ์ทางด้านราคามาใช้โดยผ่านการทำตลาดของรองเท้านักเรียน 3 รุ่น คือ 1.รุ่น 185 ซึ่งจะจำหน่ายรองเท้านักเรียนราคาเดียว 189 บาท ทุกเบอร์ ทุกแบบทั้งชายหญิง ทั่วประเทศ 2.รุ่นพิเศษ ราคาเดิมแต่แถมถุงเท้า 1 คู่ สำหรับผู้หญิงชื่อรุ่น B-COOL ราคาตั้งแต่ 209-269 บาท ส่วนผู้ชายชื่อรุ่น TURBO X ราคาตั้งแต่ 249-309 บาท และ 3.รุ่นแบ็คทูยูนิเวอร์ซิตี้ ราคา 299-399 บาทสำหรับผู้หญิง และราคา 349-399 บาทสำหรับผู้ชาย
โดยมีการเรียกดีลเลอร์ของบาจาทั่วประเทศประมาณ 200กว่าราย จากทั้งหมด 1,000 กว่าราย เพื่อมาร่วมงานเปิดตัว เมื่อวานนี้ เพื่อเปิดเผยเกี่ยวกับแผนการตลาดและเปิดตัวรองเท้ารุ่นใหม่รวมทั้งรับคำสั่งซื้อ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก แต่ยังไม่ได้สรุปตัวเลขยอดสั่งซื้อทั้งหมด
เขากล่าวด้วยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายจากการรุกตลาดด้วย 3 รุ่นนี้ประมาณ 1.5 ล้านคู่ เพิ่มจากปีที่แล้ว 50% โดยคาดว่า รุ่น 189 จะเป็นตัวที่ทำรายได้ให้กับบริษัทมากที่สุดจาก 3 รุ่นดังกล่าว เนื่องจากว่า เป็นราคาที่ต่ำมาก ในท้องตลาดคู่แข่งไม่มีใครทำราคานี้ได้ และเป็นรุ่นพิเศษที่บริษัทฯผลิตออกมา ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วราคาในท้องตลาดจะอยู่ระดับ 249 บาทขึ้นไป ส่วนรุ่นแบ็คทูยูนิเวอร์ซิตี้นั้น คาดว่าจะมียอดขายเป็น 1 แสนคู่ จากปีที่แล้วทำได้ 50,000 คู่
ปีนี้ยังเป็นปีแรกที่บริษัทฯหันมามุ่งเน้นตลาดกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเพิ่มมากขึ้นด้วย จากเดิมที่ที่ปีแล้วไม่ได้ทำตลาดมาก เพียงวางจำหน่ายสินค้าเท่านั้น ปีนี้จะเน้นตลาดเหมือนกับตลาดกลุ่มรองเท้านักเรียนทั่วไปด้วย
สาเหตุที่บาจาสามารถจำหน่ายในราคาที่ต่ำมากทั้งรุ่น 189 บาท หรือรุ่นแบ็คทูสคูลนั้นเนื่องมาจากว่า บริษัทฯมีปริมาณการผลิตจำนวนมากจากโรงงานบาจาในประเทศไทย โดยมีออเดอร์รับผลิตและส่งให้กับบาจาในต่างประเทศด้วย เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ตะวันออกกลาง ทำให้เกิดปริมาณผลิตมาก ส่งผลให้ต้นทุนต่ำตามไปด้วย จึงทำให้สามารถตั้งราคาขายที่ต่ำ แต่ยังคงคุณภาพเอาไว้เหมือนเดิม โดยจะจำหน่ายราคาดังกล่าวไปตลอดปีนี้ไม่ได้ทำแค่ช่วงโปรโมชั่น ส่วนปีหน้าจะทำต่อหรือไม่นั้นจะต้องดูการตอบรับของตลาดและความเหมาะสมอีกครั้ง
นอกจากนั้นปีนี้ยังได้เพิ่มงบประมาณด้านการตลาดทั้งโฆษณาประชาสัมพันธ์กว่า 100% เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการรุกตลาด โดยจะมีการลงสื่อโฆษณาทั้งสื่อทีวี สื่อสิ่งพิมพ์กระจายทั่วประเทศ และยังเป็นปีแรกที่บริษัทได้เซ็นสัญญาเป็นผู้สนับสนุนรายการเกมเศรษฐีของนายไตรภพ ลิมปพัทธ์ ทางช่องไอทีวีเป็นเวลานาน 4 เดือน เพื่อตอกย้ำแบรนด์บาจาอีกด้วย
ขณะเดียวกันก็ยังมีการลงโฆษณาสื่อทีวีในช่วงไพร์มไทม์ละครหลังข่าว ภาคค่ำ ช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 7 รายการเกมทศกัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีอยู่ในช่วงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคมปีนี้ แล้วแต่รายการ
สำหรับเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่ม 6 จังหวัดภาคใต้นั้น เขากล่าวว่า บาจาได้บริจาครองเท้าแตะจำนวน 2,500 คู่ มูลค่ากว่า 3 แสนบาท ให้กับผู้ที่ประสบภัยพิบัติดังกล่าว เพื่อนำไปใช้ใส่สำหรับการเดินเท้าที่ลำบากกับพื้นที่มีโคลน อีกทั้งอยู่ระหว่างการหาวิธีช่วยเหลือทางอื่นอีกด้วย เพราะบริษัทมีช่องทางจำหน่ายอยู่ทั่วประเทศ