โดย ถนอม พิพิธยากร
นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้คนไทยรับสนองพระราชดำรัส องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว-สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อให้เกิดสันติสุขสู่ภาคใต้ รวมถึงการพับนก 62 ล้านตัว เพื่อก่อให้เกิดผลด้านจิตวิทยา ให้สันติสุขกลับคืนสู่ด้ามขวานของไทยโดยเร็วที่สุด
ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรียกร้องในการประชุมร่วมมือประเทศกลุ่มความร่วมมือเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 12 (APEC 2004) ที่ดำเนินอยู่ขณะนี้ที่ชิลี ให้ประเทศสมาชิก APEC ร่วมแก้ไขปัญหาการก่อการร้าย
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าคนไทยโชคดี ที่มีองค์ในหลวง-สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยบ้านเมือง รวมถึงความเป็นอยู่ของคนไทยทุกหมู่เหล่า ทั้ง 2 พระองค์ทรงพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความผาสุกของคนไทยทั้งมวล
โดยสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ ทรงเรียกร้องเมื่อวันอังคารที่ 16 พ.ย. ให้คนไทยทุกคนสามัคคีกัน รวมพลัง ผลักดันการแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชี้ให้เห็นถึงพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ว่าพระองค์ทรงรับสั่งชัดเจน ว่าคนที่ก่อความไม่สงบเหล่านี้ ไม่ใช่คนไทยมุสลิม ถูกล้างสมอง ไม่มีความเป็นไทยเหลืออยู่เลย
ขณะที่รัฐบาลกำลังผลักดันให้มีการปฏิรูปการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อเนื่อง จริงจัง รวมถึงฝึกอาชีพให้คนไทยในท้องถิ่นดังกล่าว เช่น ด้านการเกษตร แต่ พ.ต.ท.ทักษิณยืนยันจะจัดการกับ “พวกมักใหญ่ใฝ่สูง” ที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนไทย อย่างเด็ดขาด
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเรียกร้องเมื่อวันพุธที่ 17 พ.ย. ให้ข้าราชการทหาร-ตำรวจ ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะภาคใต้ของไทย
รัฐบาลยังรับข้อเสนอตัวแทนนักวิชาการ-อาจารย์มหาวิทยาลัย 22 คน ที่เข้าพบนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ย. รวมถึงข้อเสนอในการจัดตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์แห่งชาติ ที่ประกอบด้วยตัวแทนประชาชนทุกหมู่เหล่า เพื่อแก้ปัญหาภาคใต้
นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้คนไทยทุกคน หันหน้าเข้าหากัน เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเร็วที่สุด แม้ว่าขณะนี้ มีคนบางกลุ่มคิดการใหญ่ ต้องการแบ่งแยกดินแดนด้ามขวานของไทย ออกจากประเทศไทย โดยปลุกปั่นวัยรุ่นคนไทยในภาคใต้ โดยใช้การแปลคำสอนศาสนาอิสลามที่ผิด ๆ
ขณะที่คณะรัฐมนตรี สัปดาห์ที่แล้ว ที่อุบลราชธานี จึงมีมติให้คนไทยทั้งประเทศ แสดงความห่วงใยต่อคนไทยในภาคใต้ โดยการพับนกกระดาษ คนละตัว หรือประมาณ 62 ล้านตัว เพื่อให้เครื่องบินกองทัพอากาศ โปรยให้คนไทยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะรวบรวมวันที่ 1 ธ.ค.นี้ เพื่อให้นกกระดาษดังกล่าว สื่อถึงความหมายแห่งสันติภาพ สันติสุข
ขณะที่นายกรัฐมนตรี ผลักดันการแก้ปัญหาการก่อการร้าย และปัญหาโรคเอดส์ ต่อที่ประชุม APEC 2004 ที่ชิลี เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมกันแก้ไขปัญหา ได้รับความพอใจจากประเทศสมาชิก ที่จะร่วมแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าว
พ.ต.ท. ทักษิณกล่าวว่า การเข้าร่วมประชุม APEC 2004 ปัญหาที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ คือปัญหาการก่อการร้าย ซึ่งทุกฝ่ายมองว่า เป็นปัญหาระยะยาวที่ต้องเริ่มแก้ไขที่การศึกษา ที่ผู้ไม่หวังดีบิดเบือนคำสอนศาสนาอิสลาม
ประเทศไทยขอให้ชาติมุสลิมกวดขันหลักสูตรการเรียนการสอน ไม่ให้ถูกบิดเบือนโดยกลุ่มหัวรุนแรง และขอให้มอบทุนการศึกษาให้นักเรียน นักศึกษา เพื่อใช้ในทางที่ถูกต้อง ไม่ผิดวัตถุประสงค์ ยังพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านการก่อการร้าย และการฟอกเงิน ไม่ให้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดด้วย
ความพยายามของรัฐบาล ที่จะนำสันติภาพสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย รวมถึงภูมิภาค อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่า รวมถึงประชาคมโลก อย่างแท้จริง
นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้คนไทยรับสนองพระราชดำรัส องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว-สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อให้เกิดสันติสุขสู่ภาคใต้ รวมถึงการพับนก 62 ล้านตัว เพื่อก่อให้เกิดผลด้านจิตวิทยา ให้สันติสุขกลับคืนสู่ด้ามขวานของไทยโดยเร็วที่สุด
ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรียกร้องในการประชุมร่วมมือประเทศกลุ่มความร่วมมือเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 12 (APEC 2004) ที่ดำเนินอยู่ขณะนี้ที่ชิลี ให้ประเทศสมาชิก APEC ร่วมแก้ไขปัญหาการก่อการร้าย
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าคนไทยโชคดี ที่มีองค์ในหลวง-สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยบ้านเมือง รวมถึงความเป็นอยู่ของคนไทยทุกหมู่เหล่า ทั้ง 2 พระองค์ทรงพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความผาสุกของคนไทยทั้งมวล
โดยสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ ทรงเรียกร้องเมื่อวันอังคารที่ 16 พ.ย. ให้คนไทยทุกคนสามัคคีกัน รวมพลัง ผลักดันการแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชี้ให้เห็นถึงพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ว่าพระองค์ทรงรับสั่งชัดเจน ว่าคนที่ก่อความไม่สงบเหล่านี้ ไม่ใช่คนไทยมุสลิม ถูกล้างสมอง ไม่มีความเป็นไทยเหลืออยู่เลย
ขณะที่รัฐบาลกำลังผลักดันให้มีการปฏิรูปการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อเนื่อง จริงจัง รวมถึงฝึกอาชีพให้คนไทยในท้องถิ่นดังกล่าว เช่น ด้านการเกษตร แต่ พ.ต.ท.ทักษิณยืนยันจะจัดการกับ “พวกมักใหญ่ใฝ่สูง” ที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนไทย อย่างเด็ดขาด
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเรียกร้องเมื่อวันพุธที่ 17 พ.ย. ให้ข้าราชการทหาร-ตำรวจ ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะภาคใต้ของไทย
รัฐบาลยังรับข้อเสนอตัวแทนนักวิชาการ-อาจารย์มหาวิทยาลัย 22 คน ที่เข้าพบนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ย. รวมถึงข้อเสนอในการจัดตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์แห่งชาติ ที่ประกอบด้วยตัวแทนประชาชนทุกหมู่เหล่า เพื่อแก้ปัญหาภาคใต้
นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้คนไทยทุกคน หันหน้าเข้าหากัน เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเร็วที่สุด แม้ว่าขณะนี้ มีคนบางกลุ่มคิดการใหญ่ ต้องการแบ่งแยกดินแดนด้ามขวานของไทย ออกจากประเทศไทย โดยปลุกปั่นวัยรุ่นคนไทยในภาคใต้ โดยใช้การแปลคำสอนศาสนาอิสลามที่ผิด ๆ
ขณะที่คณะรัฐมนตรี สัปดาห์ที่แล้ว ที่อุบลราชธานี จึงมีมติให้คนไทยทั้งประเทศ แสดงความห่วงใยต่อคนไทยในภาคใต้ โดยการพับนกกระดาษ คนละตัว หรือประมาณ 62 ล้านตัว เพื่อให้เครื่องบินกองทัพอากาศ โปรยให้คนไทยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะรวบรวมวันที่ 1 ธ.ค.นี้ เพื่อให้นกกระดาษดังกล่าว สื่อถึงความหมายแห่งสันติภาพ สันติสุข
ขณะที่นายกรัฐมนตรี ผลักดันการแก้ปัญหาการก่อการร้าย และปัญหาโรคเอดส์ ต่อที่ประชุม APEC 2004 ที่ชิลี เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมกันแก้ไขปัญหา ได้รับความพอใจจากประเทศสมาชิก ที่จะร่วมแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าว
พ.ต.ท. ทักษิณกล่าวว่า การเข้าร่วมประชุม APEC 2004 ปัญหาที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ คือปัญหาการก่อการร้าย ซึ่งทุกฝ่ายมองว่า เป็นปัญหาระยะยาวที่ต้องเริ่มแก้ไขที่การศึกษา ที่ผู้ไม่หวังดีบิดเบือนคำสอนศาสนาอิสลาม
ประเทศไทยขอให้ชาติมุสลิมกวดขันหลักสูตรการเรียนการสอน ไม่ให้ถูกบิดเบือนโดยกลุ่มหัวรุนแรง และขอให้มอบทุนการศึกษาให้นักเรียน นักศึกษา เพื่อใช้ในทางที่ถูกต้อง ไม่ผิดวัตถุประสงค์ ยังพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านการก่อการร้าย และการฟอกเงิน ไม่ให้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดด้วย
ความพยายามของรัฐบาล ที่จะนำสันติภาพสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย รวมถึงภูมิภาค อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่า รวมถึงประชาคมโลก อย่างแท้จริง