ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุต้องการเป็นที่จดจำทางประวัติศาสตร์ ในฐานะ "ผู้สร้างสันติภาพ" และเน้นย้ำคำสัญญาว่าจะยุติความแย้งทางทหารทั้งหลาย โดยเฉพาะวิกฤตยูเครน
ความเห็นของเขามีขึ้นต่อหน้าฝูงชนจำนวนมาก ณ ที่ประชุมใหญ่ของกลุ่มสนับสนุนแนวคิดอนุรักษนิยมทางการเมือง (Conservative Political Action Conference หรือ CPAC) เมื่อวันเสาร์ (22 ก.พ.) ทรัมป์เน้นย้ำถึงความตั้งใจของตนเองที่จะยุติความขัดแย้งอย่างรวดเร็ว อ้างว่าเขามีอำนาจหยุดสงครามนี้เพื่อปกป้องชีวิต
"มันเป็นความหวังของผม ที่ผมจะมีมรดกตกทอดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม จะเป็นในฐานะผู้สร้างสันติภาพ ไม่ใช่ผู้ชนะ ผมไม่ต้องการเป็นผู้พิชิต" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าว
คำปราศรัยนี้สะท้อนคำกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง โดยคราวนั้น ทรัมป์ บอกว่าเขาต้องการเป็นที่จดจำในฐานะ "ผู้สร้างสันติภาพและผู้รวมให้เป็นหนึ่ง" พร้อมระบุความเข้มข้นของชาติหนึ่งชาติใด ควรถูกวัดจากความพยายามยุติสงครามหรือความพยายามป้องกันสงคราม แทนที่จะวัดจากการเป็นผู้ชนะ
ความเห็นนี้ดูเหมือนเป็นการพาดพิงไปถึงอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ใช้เงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์ป้อนอาวุธแก่เคียฟ และได้เร่งยกระดับครั้งใหญ่ป้อนอาวุธแก่ยูเครน ในช่วงสัปดาห์ท้ายๆ ของการดำรงตำแหน่ง
ทรัมป์ เน้นย้ำกล่าวโทษ ไบเดน ต่อความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินอยู่ระหว่างรัสเซียกับยูเครน อ้างว่าสงครามนี้ไม่ควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ ถ้าเขายังอยู่ในตำแหน่ง ทรัมป์ระบุว่าถ้อยแถลงของ ไบเดน เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ เคียฟ จะได้เข้าร่วมนาโต เป็นตัวยั่วยุสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง
ระหว่างกล่าวกับที่ประชุม CPAC ทรัมป์บอกด้วยว่า เขาเชื่อว่า "เราใกล้อย่างยิ่งแล้ว ที่จะบรรลุข้อตกลงยูเครน" ความคิดเห็นนี้มีขึ้นท่ามกลางการเจรจาอย่างเข้มข้นระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย ที่มุ่งเน้นความพยายามคลี่คลายความขัดแย้งยูเครนด้วยสันติวิธี
ในวันเสาร์เช่นกัน คาโรลีน เลวิตต์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว ระบุว่ารัฐบาลทรัมป์ กำลังมุ่งเน้นเดินหน้าเจรจากับทั้ง 2 ฝ่าย และมองในแง่บวกเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพ ว่าอาจเห็นพ้องต้องกันได้ในสัปดาห์นี้
พัฒนาการดังกล่าวมีขึ้นตามหลังการเจรจาระดับสูงระหว่างผู้แทนทูตของสหรัฐฯ กับรัสเซีย ในซาอุดีอาระเบีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว การประชุมดังกล่าว ซึ่งถือเป็นความพยายามโดยตรงครั้งแรกจากทั้ง 2 ฝ่าย ในการคืนสู่สัมพันธ์อันปกติ ได้มุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูความสัมพันธ์แบบทวิภาคีและหาทางออกของความขัดแย้งยูเครน ทั้งนี้การพูดคุยดังกล่าว ไม่มีผู้แทนจากยูเครนและอียูเข้าร่วมด้วย
ทั้งมอสโกและวอชิงตัน ยกย่องการพูดคุยในริยาด ที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีรัสเซียและประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าผลิดอกออกผลเป็นอย่างยิ่ง
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)