เอเจนซีส์ - ซีอีโอสถานีโทรทัศน์ CNN ของสหรัฐฯ คริส ลิคต์ (Chris Licht) ดำเนินการปลดพนักงานออกในวันพฤหัสบดี (1 ธ.ค.) จำนวนหลายร้อยตำแหน่ง รวมถึงนักข่าวชื่อดังและผู้จัดรายการ รวมบรรณาธิการทั่วไป คริส ซิลลิซซา (Chris Cillizza) และเลิกการจัดรายการสดช่อง HLN ที่อยู่ภายใต้ CNN หลังพิษมรสุมเศรษฐกิจในสหรัฐฯ เล่นงานจนต้องปลดคนออกลดค่าใช้จ่าย
ดิอินดิเพนเดนท์ สื่ออังกฤษ รายงานวันศุกร์ (2 ธ.ค.) ว่า ในบันทึกภายในบริษัทที่ออกมาวันพุธ (1) ที่แจ้งต่อพนักงาน CNN ซีอีโอสถานีโทรทัศน์ CNN ของสหรัฐฯ คริส ลิคต์ (Chris Licht) กล่าวมีใจความว่า “การเปลี่ยนแปลงที่พวกเราทำในวันนี้นั้นมีความจำเป็นและจะทำให้เรามีความแข็งแกร่งมากขึ้นและอยู่ในจุดที่ดีขึ้นเพื่อเป้าหมายใหญ่ในการเดินไปข้างหน้าโดยที่ไม่ต้องหวาดกลัวต่อความล้มเหลว”
ทั้งนี้ พบว่า CNN ไล่ อลิสัน โคซิค (Alison Kosik) มาร์ติน ซาวิดจ์ (Martin Savidge) และอเล็กซานดรา ฟิลด์ (Alexandra Field) ออก ยังรวมไปถึงรองประธานนอร์ทอีสต์นิวส์ (northeast news) แมรี แอนน์ ฟ็อกซ์ (Mary Anne Fox)
CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานเพิ่มเติมว่า คำสั่งปลดพนักงานออกรอบนี้จะกระทบพนักงาน CNN หลายร้อยคนทั่วโลก และเป็นการสั่งปลดพนักงานที่ใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ในรอบหลายปีของบริษัท
ทั้งนี้ พบว่าพนักงาน CNN นั้นมีความกระวนกระวายใจต่อข่าวการลดพนักงานครั้งมโหฬารมาตั้งแต่เมื่อครั้งลิคต์ได้ประกาศแจ้งคนเหล่านี้ในเดือนที่ผ่านมา และเดินหน้าอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
โดยในวันพุธ (30 ธ.ค.) ซีอีโอใหญ่ CNN ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กล่าวว่า บริษัทจะแจ้งคนจำนวนหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นแขกผู้เชี่ยวชาญร่วมรายการที่ได้รับค่าตอบแทน และเขากล่าวต่อว่าในวันพฤหัสบดี (1) CNN จะแจ้งต่อพนักงานที่ได้รับผลกระทบให้ได้รับทราบ
ในบันทึกภายใน ลิคต์กล่าวว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับทุกคน” อย่างไรก็ตาม ในวันพุธ (30 ธ.ค.) สถานีโทรทัศน์ CNN ปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวเลขการปลดพนักงานออกที่แท้จริงออกมา
ดิอินดีเพนเดนท์ชี้ว่า ในการประกาศยังพบว่าจะมีการยุติการจัดรายการสดทั้งหมดทางช่อง HLN ซึ่งอยู่ในเครือ และส่งผลทำให้ผู้จัดรายการทุกคนต้องตกงาน
การเปลี่ยนแปลงยังเกิดขึ้นกับส่วนของ CNN อินเตอร์เนชันแนลที่มีการปรับองค์กรเกิดขึ้นบางส่วนทั้งในทีมงานและฝ่ายกองบรรณาธิการ ซีอีโอ CNN ชี้ว่า รายการบางส่วนของช่อง CNN อินเตอร์เนชันแนลจะดึงรายการจาก CNN สหรัฐฯ ไปฉายแทน
การสั่งปลดพนักงานครั้งใหญ่เกิดขึ้นท่ามกลางบริษัทสื่อสารมวลชนสหรัฐฯ หลายค่ายกำลังต่อสู้กับมรสุมทางเศรษฐกิจที่กระทบต่อโฆษณารายได้บริษัท