ยูเครนบอกสถานการณ์สู้รบยังคงดุเดือดทุกสนามรบ แต่ยังสามารถตั้งรับการโจมตีของรัสเซียได้ ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายยังคงโทษกันเรื่องการโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในแคว้นซาโปริซเซีย ด้านเพนตากอนอ้างว่าทัพมอสโกสูญเสียกำลังพลตั้งแต่ช่วงเริ่มสงครามถึงตอนนี้มหาศาลมากถึงราว 70,000-80,000 คนแล้ว
ปาฟโล คีรีเลนโก ผู้ว่าการแคว้นโดเนตสก์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคดอนบาส ทางภาคตะวันออกของยูเครน แถลงว่า สถานการณ์การสู้รบยังคงตึงเครียด โดยกองกำลังรัสเซียระดมโจมตีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการโจมตีทางอากาศ แต่ยังไม่สามารถเข้ายึดแคว้นแห่งนี้ได้
ทางด้านโอเลคซี อาเรสโตวิช ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ก็โพสต์บนยูทูบอ้างว่า ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กองกำลังยูเครนสามารถชิงเมืองโดเวนกี้ ซึ่งอยู่ใกล้แคว้นคาร์คีฟคืนจากรัสเซียสำเร็จ และกำลังรุกสู่เมืองอีซุม
สำหรับรายงานประจำวันจากคณะเสนาธิการใหญ่ของกองทัพยูเครนระบุว่า เมืองต่างๆ ทางใต้ ตะวันออก และตะวันออกเฉียงใต้ของคาร์คีฟ ถูกรัสเซียโจมตีด้วยรถถัง ปืนใหญ่ และจรวด
อาเรสโตวิชบอกด้วยว่า กองทัพยูเครนประสบความสำเร็จอย่างมาก ขณะที่รัสเซียไม่สามารถช่วงชิงพื้นที่ที่เสียไปได้กลับคืน และสุดท้ายยังอาจตกอยู่ในวงล้อมของยูเครน
มีรายงานจากภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนด้วยว่า ฝ่ายยูเครนโจมตีสะพานแอนโทนอฟสกี้ ซึ่งทอดข้ามแม่น้ำดนิโปร ช่วงที่อยู่ในแคว้นเคียร์ซอน จนเสียหายหนักเมื่อคืนวันจันทร์ (8) เพื่อตัดเส้นทางลำเลียงเสบียงและอาวุธของรัสเซีย
นอกจากนี้ ยังมีการสู้รบรอบๆ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในแคว้นซาโปริซเซียทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ที่กองกำลังรัสเซียยึดครองได้ตั้งแต่เริ่มรุกรานยูเครนเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์
การต่อสู้ในบริเวณนี้ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีรายงานว่า ตัวโรงไฟฟ้าแห่งนี้ถูกถล่มได้รับความเสียหายไปด้วย โดยที่ทั้งมอสโกและเคียฟต่างกล่าวโทษอีกฝ่ายหนึ่งนั้น ทำให้ อันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวเตือนเมื่อวันจันทร์ว่า การโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตาย และทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ก็สำทับว่า มีความเสี่ยงอย่างแท้จริงและสูงมากที่จะเกิดหายนะนิวเคลียร์
เครมลินนั้นกล่าวหายูเครนเป็นฝ่ายโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดในยุโรปแห่งนี้ และเตือนว่า อาจนำไปสู่หายนะ
ด้านเคียฟโต้ว่า มอสโกต้องรับผิดชอบ และเรียกร้องให้ขับไล่ทหารรัสเซียออกจากโรงไฟฟ้าแห่งนี้ พร้อมทั้งมอบหมายให้ทีมรักษาสันติภาพระหว่างประเทศและผู้เชี่ยวชาญจากไอเออีเอและองค์กรด้านการรักษาความปลอดภัยอื่นๆ เข้าดูแล
ขณะที่เปโตร โคติน ประธานอิเนอร์โกตอม บริษัทพลังงานนิวเคลียร์ของยูเครน อ้างว่า รัสเซียส่งทหาร 500 นาย และอาวุธ 50 ชุด ซึ่งรวมถึงรถถัง เข้าไปในโรงไฟฟ้าซาโปริซเซีย อันเป็นการแถลงในลักษณะเดียวกับที่ทางการยูเครนระบุก่อนหน้านี้ว่า มอสโกใช้โรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นที่ซ่องสุมทางทหาร
นายกรัฐมนตรีเดนิส ชมีกัลป์ ของยูเครน สำทับกล่าวหารัสเซีย “ก่อการร้ายด้วยนิวเคลียร์” และเรียกร้องทั่วโลกร่วมกันป้องกันหายนะ
อย่างไรก็ดี ดร.มาร์ก เวนแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์ของวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ มหาวิทยาลัยลอนดอน ชี้ว่า เตาปฏิกรณ์ในโรงไฟฟ้าซาโปริซเซียแข็งแรงทนทาน และเชื้อเพลิงที่ใช้แล้วได้รับการป้องกันอย่างดี ดังนั้น ความเสี่ยงที่จะเกิดหายนะร้ายแรงจึงไม่น่าสูงมาก
ในอีกด้านหนึ่ง โคลิน คาห์ล ปลัดกระทรวงกลาโหมฝ่ายนโยบายของสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันจันทร์ อ้างว่ารัสเซียสูญเสียกำลังพลอย่างมหาศาลถึงราว 70,000-80,000 นาย ซึ่งรวมทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิต นับจากเริ่ม “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
นอกจากนั้น เพนกาตอนยังประกาศมาตรการช่วยเหลือทางทหารครั้งใหม่แก่ยูเครนมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงเครื่องกระสุนสำหรับระบบจรวดหลายลำกล้อง HIMARS ที่ช่วยให้เคียฟโจมตีกองกำลังรัสเซียจากระยะไกล และยานยนต์หุ้มเกราะเพื่อการขนส่งด้านการแพทย์
วันเดียวกันนั้น ธนาคารโลกเผยว่า ได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอเมริการาว 4,500 ล้านดอลลาร์เพื่อให้ยูเครนนำไปจ่ายค่าบริการและบำนาญต่างๆ ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงคราม
ทั้งนี้ รวมแล้วอเมริกาให้ความช่วยเหลือยูเครนกว่า 18,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)