ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ดิ่งแรงเกิน 7 ดอลลาร์ในวันอังคาร (12 ก.ค.) ต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน จากความกังวลทางอุปสงค์ ไม่ว่าจะเป็นจีนล็อกดาวน์สกัดโควิด-19 แนวโน้มและเศรษฐกิจโลกถดถอย เช่นเดียวกับการแข็งค่าของดอลลาร์ ปัจจัยหลังนี้ฉุดทองคำปิดลบ ขณะที่หุ้นสหรัฐฯ ขยับลงเช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 8.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 95.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 7.61 ดอลลาร์ ปิดที่ 99.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน
ตลาดน้ำมันค่อนข้างผันผวน ก่อนนักลงทุนเทขายห่ามกลางความกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อสกัดเงินเฟ้อจะฉุดเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งจะกัดเซาะอุปสงค์ทางพลังงาน
จีน พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ย่อยตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งแพร่ระบาดได้ง่ายมาก รายแรกในเซี่ยงไฮ้ มันอาจนำมาซึ่งการล็อกดาวน์ตรวจเชื้อหมู่อีกรอบ และแน่นอนว่ามันจะกระทบต่ออุปสงค์เชื้อเพลิง
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกฉุดจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งมันส่งผลให้น้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อสกุลเงินอื่นๆ และปัจจัยนี้เองที่ฉุดราคาทองคำในวันอังคาร (12 ก.ค.) ปิดลบ 2 วันติด โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 6.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,724.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันอังคาร (12 ก.ค.) ปิดลบเช่นกัน สัญญาณที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับภาะเศรษฐกิจถดถอย ผลักนักลงทุนปลีกตัวเองออกจากตลาดทุน ก่อนหน้าที่อเมริกาจะเผยแพร่ข้อมูลเงินเฟ้ออันสำคัญ และรายงานผลประกอบการรายไตรมาสของบรรดาบริษัทจดทะเบียน
ดาวโจนส์ ลดลง 192.51 จุด (0.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 30,981.33 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 35.63 จุด (0.92 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,818.80 จุด แนสแดค ลดลง 107.87 จุด (0.95 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,264.73 จุด
วอลล์สตรีทแกว่งตัวทั้งในแดนบวกและแดนลบ จากนั้นก็ขยับลงอย่างแรงในช่วงท้ายของการซื้อขาย นักลงทุนจับจากข้อมูลราคาผู้บริโภคจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ (13 ก.ค.) เช่นเดียวกับรายงานผลประกอบการของบรรดาสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ที่มีกำหนดเผยแพร่ในช่วงปลายสัปดาห์
(ที่มา : รอยเตอร์)