ทางการกรุงปักกิ่งสั่งปูพรมตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในประชากรหลายล้านคน และสั่งล็อกดาวน์ที่พักอาศัย หลังพบการระบาดซึ่งมีต้นตอจากสถานบันเทิงแห่งหนึ่งที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง และมีผู้เข้าไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก
หน่วยงานสาธารณสุขปักกิ่งรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกือบ 200 คนที่เชื่อมโยงกับ Heaven Supermarket Bar ในเขตเฉาหยาง (Chaoyang) ซึ่งเพิ่งจะเปิดให้บริการหลังจากที่รัฐผ่อนปรนมาตรการคุมเข้มเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
การพบคลัสเตอร์โควิด-19 ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงอุปสรรคและความท้าทายสำหรับจีนในการใช้นโยบาย “คุมโควิดเป็นศูนย์” ในขณะที่นานาชาติเลือกจะปรับตัวอยู่ร่วมกับโควิด และกระพือความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนหลังจากนี้
กรุงปักกิ่งซึ่งมีประชากรราว 22 ล้านคนเริ่มอนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารภายในร้านตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐใช้มาตรการคุมเข้มปิดห้างสรรพสินค้า โรงยิม และสถานที่สาธารณะอื่นๆ มานานกว่า 1 เดือน รวมถึงขอความร่วมมือให้ผู้คนนับล้านๆ ทำงานจากที่บ้าน
เจ้าหน้าที่เขตเฉาหยางเริ่มระดมตรวจโควิด-19 ในประชากร 3.5 ล้านคนตั้งแต่วันนี้ (13) ขณะเดียวกัน ได้ระบุตัวตนผู้สัมผัสใกล้ชิดลูกค้าของบาร์ Heaven Supermarket Bar อีกราวๆ 10,000 คน และสั่งปิดย่านที่พักอาศัยของคนเหล่านี้ ส่วนกำหนดการเปิดโรงเรียนในเขตเฉาหยาง ต้องถูกเลื่อนออกไปก่อน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า จุดตรวจโควิดบางแห่งมีประชาชนเข้าคิวรอเป็นแถวยาวกว่า 100 เมตร และมีการนำแผงเหล็กขนาดใหญ่ไปปิดกั้นรอบๆ อาคารที่พักอาศัย รวมถึงมีเจ้าหน้าที่สวมชุดป้องกันเข้าไปฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ
ทางการปักกิ่งยอมรับว่า การระบาดครั้งนี้มีความ “รุนแรง” เนื่องจากผู้ติดเชื้อเกือบ 200 คนพักอาศัยกระจายกันอยู่ใน 14 เขต จากทั้งหมด 16 เขตทั่วเมืองหลวง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ออกมาอธิบายต้นตอที่ชัดเจนของการระบาด และไม่ระบุด้วยว่าเหตุจึงยังไม่ฟื้นมาตรการคุมเข้มเหมือนที่เคยบังคับใช้เมื่อเดือนที่แล้ว
หนังสือพิมพ์ Beijing Evening News ฉบับวันนี้ (13) ได้ตีพิมพ์บทบรรณาธิการตำหนิ “ความหย่อนยาน” และ “ช่องโหว่” ของมาตรการควบคุมโรคว่าเป็นสาเหตุทำให้เกิดคลัสเตอร์โควิด-19 ขึ้นมาใหม่
“ในขณะที่เมืองกำลังกลับสู่สภาวะปกติ ความล้มเหลวที่ Heaven Supermaket Bar ทำให้ความลำบากและความเพียรพยายามของประชาชนจำนวนมากต้องสูญเปล่า” และหากไม่สามารถหยุดการแพร่เชื้อได้ “ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจร้ายแรงอย่างที่ไม่มีใครต้องการจะเห็น”
ที่มา : รอยเตอร์
