ประธานาธิบดี โจโก วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย แถลงมาตรการเปิดประเทศรับผู้เดินทางจากต่างชาติ โดยจะเริ่มจากพื้นที่ซึ่งประชาชนได้รับวัคซีนโควิด-19 เกินกว่าร้อยละ 70 ขึ้นไป พร้อมทั้งเรียกร้องให้อาเซียนเร่งจัดทำข้อตกลงเปิดการเดินทางระหว่างกัน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
ผู้นำอิเหนากล่าวระหว่างประชุมร่วมกับภาคธุรกิจ ก่อนที่การประชุมสุดยอดอาเซียนจะเปิดฉากในวันพรุ่งนี้ (26 ต.ค.) ว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ควรที่จะต้องผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการเดินทาง รวมถึงเปิดรับผู้เดินทางจากต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดส และมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ พร้อมย้ำถึงความจำเป็นที่ทุกประเทศในภูมิภาคจะต้องปรับตัวเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตสาธารณสุขที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต
“หลังจากเผชิญกับโรคระบาดโควิด-19 มานานถึง 20 เดือน วันนี้เราเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ โดยตลอดสัปดาห์ที่แล้วจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในอาเซียนลดลง 14% ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ลดลงแค่ 1%” วิโดโด ระบุ
“เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 อยู่ในภาวะที่ควบคุมได้มากขึ้น ข้อจำกัดเหล่านี้จึงควรถูกผ่อนคลายลง และอนุญาตให้มีการเดินทางไปมาหาสู่กันได้ง่ายขึ้น โดยจะต้องมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยด้วย”
“หากอาเซียนทุกประเทศพร้อมใจกันผ่อนปรนให้มีการเดินทางได้อย่างปลอดภัย วงล้อเศรษฐกิจก็จะหมุนต่อไปได้อีกครั้ง”
อินโดนีเซียเริ่มเปิด “เกาะบาหลี” รับนักท่องเที่ยวจากบางประเทศ เช่น จีน, นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา หลังจากประชาชนบนเกาะฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมากกว่า 80% อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เดินทางเข้าสู่สนามบินนานาชาติงูระห์ไรยังคงต้องผ่านกระบวนการกักตัว 8 วันโดยออกค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งทำให้ตอนนี้บรรยากาศการท่องเที่ยวในบาหลียังคงเงียบเหงา และแทบไม่มีเที่ยวบินระหว่างประเทศไปลง
อินโดนีเซียซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน เพิ่งจะผ่านพ้นภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงสุดในรอบ 2 ทศวรรษเมื่อช่วงไตรมาสที่สองที่ผ่านมา ทว่ามาตรการจำกัดทางสังคมที่รัฐบังคับใช้ทำให้การฟื้นเศรษฐกิจยังเป็นไปได้อย่างช้าๆ
กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ 623 คนในวันอาทิตย์ (24) ซึ่งทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 4,240,019 คน
จนถึงขณะนี้ มีประชากรอิเหนาที่ได้รับวัคซีนครบโดสแค่ราวๆ 24%
ที่มา: รอยเตอร์, วอชิงตันโพสต์
