พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ทั่วโลก ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ถึงกว่า 5.2 ล้านคน มากกว่าสัปดาห์ไหนๆ นับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดเลวร้ายลงอย่างรวดเร็วในประเทศทั้งหลายที่ขาดแคลนเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับจัดการกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
แนวโน้มที่น่ากังวลมีขึ้นไม่กี่วัน หลังจากยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งเกิน 3 ล้านคน และมีขึ้นในขณะที่ประเทศต่างๆมากมายกำลังดำเนินโครงการฉีดวัคซีนในความพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ถึง 12% กัดเซาะความหวังที่ว่าจุดจบของโรคระบาดใหญ่อาจอยู่ไม่ไกลนัก
ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายสัปดาห์ดังกล่าวทำลายสถิติเดิมที่เคยเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนธันวาคม โดยแม้อัตราการติดเชื้อได้ชะลอตัวเป็นส่วนใหญ่ในสหรัฐฯและสหราชอาณาจักร แต่บรรดาประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อินเดียและบราซิล กลับกำลังเผชิญจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกก็หวนคืนสู่สถานการณ์เลวร้ายเช่นกัน หลังพบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว และจำนวนผู้เสียชีวิตรอบ 7 วัน สิ้นสุดวันที่ 18 เมษายน อยู่ที่ 82,000 คน เฉลี่ยแล้วเกือบ 12,000 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับราวๆ 60,000 คน ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 มีนาคม หรือเฉลี่ยประมาณ 8,600 ต่อวัน
อินเดียและบราซิลเป็น 2 ชาติยักษ์ใหญ่ที่สุดที่เป็นตัวขับเคลื่อนจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันอันสูงลิ่วทั่วโลก การชิงชัยที่ไม่มีใครอยากเป็นผู้ชนะ ทั้งนี้หลังจากเผชิญกับการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างฉับพลัน อินเดีย กลับมาแซงหน้า บราซิล กลายเป็นชาติที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกอีกครั้ง หลังสูญเสียตำแหน่งดังกล่าวให้บราซิลไปในเดือนมีนาคม
จนถึงตอนนี้ อินเดียและบราซิล มีประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนคิดเป็นสัดส่วน 4.5% และ 8.3% ของจำนวนประชากร ตามลำดับ ถือว่าน้อยนิดมากเมื่อเปรียบเทียบกับสหรัฐฯ 33% และสหราชอาณาจักร 32%
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ประเทศกำลังพัฒนาเท่านั้นที่ประสบกับปัญหาในความพยายามควบคุมโรคระบาดใหญ่ แต่กรณีพบเคสลิ่มเลือดอุดตันในประชาชนที่ฉีดวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และแอสตร้าเซนเนก้า กำลังทำให้รัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกกำลังเคลือบแคลงสงสัยในประสิทธิภาพของวัคซีน
ตัวกลายพันธุ์ใหม่ของโควิด-19 ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงเช่นกัน โดย บราซิล พบตัวกลายพันธุ์ P.1 ซึ่งเชื่อว่าเป็นหนึ่งตัวกลายพันธุ์ที่มีความรุนแรงมากที่สุด ในเดือนธันวาคม ขณะที่ผลการศึกษาบ่งชี้ว่าตัวกลายพันธุ์นี้ เช่นเดียวกับตัวกลายพันธุ์ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้และสหราชอาณาจักร แพร่กระจายเชื้อได้ง่ายกว่าตัวดั้งเดิมหลายเท่า
(ที่มา: บลูมเบิร์ก)