กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (IRGC) ยึดเรือบรรทุกสารเคมีติดธงเกาหลีใต้พร้อมด้วยลูกเรืออีก 20 ชีวิตขณะกำลังล่องผ่านอ่าวเปอร์เซีย ท่ามกลางข้อพิพาทระหว่างเตหะรานและโซล กรณีสถาบันการเงินเกาหลีใต้อายัดเงินทุนของอิหร่านตามคำสั่งคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
รัฐบาลโสมขาวยืนยันว่า เรือบรรทุกสารเคมีลำหนึ่งถูกทางการอิหร่านบุกยึดขณะเดินทางผ่านน่านน้ำนอกชายฝั่งโอมาน พร้อมเรียกร้องให้มีการปล่อยเรือและลูกเรือทั้งหมดในทันที
สื่ออิหร่านหลายสำนัก รวมถึงสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ รายงานวานนี้ (4 ม.ค.) ว่า กองกำลังทางเรือของ IRGC ได้ยึดเรือลำดังกล่าวเนื่องจากมีการปล่อยสารเคมีก่อมลพิษต่อท้องทะเลในอ่าวเปอร์เซีย
“เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรายงานเบื้องต้นว่า นี่คือปัญหาทางเทคนิคล้วนๆ และเรือลำนี้ถูกนำเข้าฝั่งเนื่องจากสร้างมลพิษต่อท้องทะเล” สถานีโทรทัศน์แห่งชาติอิหร่านอ้างคำพูดของ ซาอีด คาติบซาเดห์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ
ด้านสำนักข่าวตัสนีมซึ่งเป็นสื่อกึ่งทางการของอิหร่านได้เผยแพร่ภาพขณะที่หมู่เรือเร็วของ IRGC กำลังแล่นประกบเรือ HANKUK CHEMI ซึ่งบรรทุกเอทานอล 7,200 ตัน
กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ยืนยันว่า เรือลำนี้มีลูกเรือสัญชาติเกาหลีใต้, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และเมียนมา รวมทั้งหมด 20 คน ขณะที่สื่อทีวีอิหร่านระบุว่าเรือ HANKUK CHEMI ถูกนำไปจอดไว้ที่ท่าเรือบันดาร์อับบาส
ด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาจี้ให้อิหร่านปล่อยเรือของเกาหลีใต้ในทันที
“ระบอบอิหร่านยังคงคุกคามสิทธิและเสรีภาพการเดินเรือในอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งสะท้อนความพยายามที่จะกดดันให้ประชาคมโลกยอมผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร” ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ
กองเรือที่ 5 ของสหรัฐฯซึ่งมีฐานอยู่ที่บาห์เรนยืนยันว่าได้รับทราบเหตุการณ์แล้ว และอยู่ระหว่างเฝ้าติดตามสถานการณ์
บริษัท อัมบรีย์ ของอังกฤษ ระบุว่า เรือบรรทุกสารเคมีของบริษัท ดีเอ็ม ชิปปิง ลำนี้เพิ่งเดินทางออกจากท่าเรือขนส่งปิโตรเลียมในเมืองจูเบลของซาอุดีอาระเบีย ก่อนจะไปถูก IRGC บุกยึด
ปฏิบัติการยึดเรือครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้จะมีกำหนดเดินทางเยือนอิหร่านในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่ง คาติบซาเดห์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะหารือข้อเรียกร้องของเตหะรานที่ต้องการให้เกาหลีใต้ปลดปล่อยเงินทุน 7,000 ล้านดอลลาร์ของอิหร่านที่ธนาคารโสมขาวอายัดไว้ตามคำสั่งคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
สหรัฐฯ รื้อฟื้นบทลงโทษทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านเมื่อปี 2018 หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้นำวอชิงตันถอนตัวออกจากข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ปี 2015 ที่อิหร่านทำร่วมกับ 6 ชาติมหาอำนาจ ซึ่งภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว อิหร่านรับปากว่าจะจำกัดกิจกรรมนิวเคลียร์เพื่อแลกกับการผ่อนคลายคว่ำบาตร
อิหร่านแก้แค้นสหรัฐฯ ด้วยการทยอยฝ่าฝืนเงื่อนไขข้อตกลงไปทีละน้อย และล่าสุดยังประกาศวานนี้ (4) ว่ากลับมาเสริมสมรรถนะยูเรเนียมในระดับ 20% แล้วที่โรงงานใต้ดินฟอร์โด (Fordow) ซึ่งความเคลื่อนไหวเช่นนี้ของเตหะรานน่าจะทำให้ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ต้องคิดหนักหากจะนำอเมริกากลับเข้าสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์อีกครั้ง
ที่มา : รอยเตอร์