ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ให้คำรับประกันกับรัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกี ว่ามาตรการคว่ำบาตรของอเมริกาที่กำหนดเล่นงานอังการา โทษฐานที่ซื้อระบบป้องกันขีปนาวุธของรัสเซีย ไม่ได้มีเจตนาทำให้ศักยภาพด้านการทหารของตุรกีอ่อนแอลง
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (17 ธ.ค.) ว่า พอมเพโอได้มีโอกาสพูดคุยกับ เมฟลุต คาวูโซกลู เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา และเน้นย้ำว่าเป้าหมายของมาตรการคว่ำบาตรก็เพื่อป้องกันไม่ให้ รัสเซียมีรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ เข้าถึงและมีอิทธิพล
มาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานต่อกรณีจัดซื้อระบบ S-400 ของรัสเซีย “ไม่ได้มีเจตนาบ่อนทำลายแสนยานุภาพด้านการทหารหรือความพร้อมด้านการสู้รบของตุรกี หรือแม้กระทั่งพันธมิตรหรือคู่หูไหนๆ ของอเมริกา” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในถ้อยแถลง
ขณะเดียวกัน โฆษกรายนี้เปิดเผยต่อว่า พอมเพโอยังได้เรียกร้องให้ตุรกี “คลี่คลายประเด็น S-400 ในแนวทางที่สอดคล้องกับประวติศาสตร์แห่งความร่วมมือภาคกลาโหมของเราที่มีมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ และกลับมาทำตามพันธสัญญาที่เคยให้ไว้กับนาโตว่าจะซื้ออาวุธที่สามารถทำงานเข้ากันได้กับระบบอาวุธของนาโต”
เมื่อวันจันทร์ (14 ธ.ค.) สหรัฐฯ ทำตามคำประกาศที่เคยขู่ว่าจะลงโทษตุรกี กรณีที่จัดซื้อระบบป้องกันขีปนาวุธของรัสเซีย ด้วยการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานตุรกี ความเคลื่อนไหวคว่ำบาตรแทบไม่เคยเกิดขึ้นกับพันธมิตรไหนๆ ของอเมริกาในนาโต
สหรัฐฯ เล่นงานอย่างเจาะจงต่อ Presidency of Defence Industries (SSB) หน่วยงานด้านการจัดซื้ออาวุธของรัฐบาลตุรกี โดยแบนทุกใบอนุญาตส่งออกของสหรัฐฯ และสินเชื่อเงินกู้สำหรับหน่วยงานแห่งนี้ นอกจากนี้แล้วอเมริกายังสั่งห้ามประธานของ SSB เดินทางเข้าประเทศ หรือถือครองทรัพย์สินต่างๆ ในสหรัฐฯ ด้วย
เรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน ประธานาธิบดีตุรกี ประณามความเคลื่อนไหวของสหัฐฯ ในวันพุธ (16 ธ.ค.) ว่า “พวกเขาเป็นพันธมิตรแบบไหนกัน?” เขากล่าว “การตัดสินใจนี้คือการโจมตีอย่างโจ่งแจ้งต่ออำนาจอธิปไตยของเรา”