ข่าวดี! สหรัฐฯ และตุรกีบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในภาคเหนือของซีเรีย

รอยเตอร์ - ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (17 ต.ค.) ว่าเขาบรรลุข้อตกลงกับประธานาธิบดี เรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน แห่งตุรกี สำหรับการหยุดยิงทางภาคเหนือของซีเรีย ยุติปฏิบัติการรุกรานของกองทัพตุรกี ที่เข้าโจมตีเล่นงานกองกำลังชาวเคิร์ดมาเป็นเวลา 8 วัน

เพนซ์ แถลงข่าวหลังการเจรจาวิกฤตกับแอร์โดอันในกรุงอังการา ว่าภายใต้ข้อตกลงนี้ทุกปฏิบัติการทางทหารจะหยุดลงเพื่อเปิดทางให้นักรบเคิร์ด YPG ถอนกำลังในช่วงเวลา 120 ชั่วโมง และปฏิบัติการทางทหารของกองทัพตุรกีจะสิ้นสุดเมื่อการถอนกำลังเสร็จสมบุรณ์

“วันนี้สหรัฐฯ และตุรกีเห็นพ้องกันในข้อตกลงหยุดยิงในซีเรีย” เพนซ์เปิดแถลงข่าวหลังหารือกับแอร์โดอันนานกว่า 4 ชั่วโมงที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงอังการา “ฝ่ายตุรกีจะหยุดปฏิบัติการ Operation Peace Spring เพื่อเปิดทางให้กองกำลัง YPG ออกจากเซฟโซนภายใน 120 ชั่วโมง ทุกปฏิบัติการทางทหารภายใต้ปฏิบัติการ Operation Peace Spring จะหยุดลง และ Operation Peace Spring จะสิ้นสุดลงโดยสิ้นเชิงเมื่อการถอนตัวเสร็จสมบูรณ์”

เพนซ์บอกว่า กองกำลังสหรัฐฯ ในภูมิภาคได้เริ่มอำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัยแก่หน่วยต่างๆของกองกำลัง YPG แล้ว ขณะที่ข้อตกลงกับแอร์โดอันครั้งนี้ยังช่วยกันไม่ให้ตุรกีปฏิบัติการทางทหารในเมืองโคบานี จุดล่อแหลมตามแนวชายแดนของซีเรีย

รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกว่า อเมริกาและตุรกีมุ่งมั่นหาทางออกอย่างสันติในความต้องการของอังการาที่หมายจัดตั้งเซฟโซนทางภาคเหนือของซีเรียใกล้ชายแดนของตุรกี อันเป็นหนึ่งในจุดประสงค์หลักของการยกพลรุกรานซีเรียในครั้งนี้ของตุรกี

ทั้งนี้ ตุรกีเห็นว่ากลุ่มชาวเคิร์ดเป็นกลุ่มก่อการร้าย และบอกว่าเป้าหมายการโจมตีครั้งนี้คือการสร้างเขตปลอดภัยหรือเซฟโซนที่ไม่มีนักรบเคิร์ด และจะนำผู้ลี้ภัยชาวซีเรียในตุรกีราว 2 ล้านคนมาอยู่อาศัยที่นี่ อย่างไรก็ตามด้วยผู้ลี้ภัยเหล่านั้นจำนวนมากไม่ใช่ชาวเคิร์ด ทำให้ผู้ไม่เห็นด้วยเตือนว่าการทำเช่นนี้อาจนำไปสู่การล้างชาติพันธุ์ชาวเคิร์ดที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว

เพนซ์เสริมว่า เขาได้พูดคุยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แล้วหลังการหารือ และทรัมป์แสดงความซาบซึ้งต่อข้อตกลงหยุดยิง

ในเวลาต่อมา ทรัมป์ ได้เขียนบนทวิตเตอร์ในวันพฤหัสบดี (17 ต.ค.) ยกย่องว่ามันเป็น “ข่าวที่ยอดเยี่ยม” หลังตุรกีตกลงยอมยุติปฎิบัติทางทหารเมื่อนักรบเคิร์ดถอนกำลังออกจากเซฟโซน ตามหลังการหารือระหว่าง เพนซ์และแอร์โดอัน “มีข่าวที่ยอดเยี่ยมออกมาจากตุรกี” ทรัมป์เขียน “หลายล้านชีวิตได้รับการปกป้อง!”

ข้อตกลงนี้กลายเป็นตัวส่งเสริมความสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่างตุรกีและสหรัฐฯ สองพันธมิตรนาโต้ ซึ่งดำดิ่งสู่ความตึงเครียดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

การจู่โจมของตุรกีได้ก่อวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งใหม่ในซีเรีย ด้วยมีพลเรือนต้องไร้ถิ่นฐานมากกว่า 200,000 คน เช่นเดียวกับความกังวลด้านความมั่นคงหลังมีนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) หลายพันคนหลบหนีออกจากเรือนจำต่างๆของพวกเคิร์ด รวมถึงก่อพายุทางการเมืองโหมกระพือเล่นงานทรัมป์ในสหรัฐฯ

ทรัมป์ถูกกล่าวหาละทิ้งกองกำลังที่นำโดยชาวเคิร์ด พันธมิตรหลักของวอชิงตันในการสู้รบจำกัดกลุ่มรัฐอิสลามที่ประกาศสถาปนาการปกครองแบบกาหลิบเหนือพื้นที่ยึดครองในซีเรีย ด้วยการถอนทหารออกจากชายแดน เปิดทางให้อังการาเริ่มปฏิบัติการจู่โจมเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม

ทรัมป์ ปกป้องการตัดสินใจของเขาในวันพุธ (16 ต.ค.) ว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่ดีเลิศ พร้อมเชื่อว่าการเจรจาระหว่างเพนซ์กับแอร์โดอันจะประสบความสำเร็จ แต่เตือนว่ามาตรการคว่ำบาตรและมาตรการรีดภาษีจะทำลายล้างเศรษฐกิจตุรกี หากผลการเจรจาออกมาเป็นอย่างอื่น