xs
xsm
sm
md
lg

ปักกิ่งเรียกร้องสหรัฐฯเพิกถอนบัญชีดำหน่วยงาน-บริษัทจีน แต่ไม่ชัดจะตอบโต้หรือไม่

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์ - ปักกิ่งในวันอังคาร(8ต.ค.) เรียกร้องให้สหรัฐฯเพิกถอนการตัดสินใจเพิ่มหน่วยงานและบริษัทต่างๆของจีนอีก 28 แห่งเข้าไปในบัญชีดำการส่งออก ลงโทษที่จีนใช้วิธีเลือกปฏิบัติกับชาวมุสลิมอุยกูร์ รวมถึงชนกลุ่มน้อยมุสลิมอื่นๆในประเทศ อย่างไรก็ตามปักกิ่งไม่ได้บอกว่าจะเคลื่อนไหวตอบโต้หรือไม่

ไม่กี่วันก่อนที่คณะผู้แทนเจรจาระดับสูงระหว่างสหรัฐฯกับจีนจะกลับมาเจรจาทางการค้าอีกรอบในกรุงวอชิงตัน เกิง ฉวง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน บอกกับผู้สื่อข่าวว่า "รอติดตามต่อไป" เมื่อถูกถามว่าจีนจะดำเนินการใดๆตอบโต้ที่สหรัฐฯขึ้นบัญชีดำบรรดาผู้ผลิตอุปกรณ์สอดแนมและเหล่าบริษัทด้านปัญญาประดิษฐ์ยักษ์ใหญ่บางแห่งของประเทศ

เขากล่าวต่อไปว่าคำกล่าวหาของสหรัฐฯนั้น "มีเจตนามุ่งร้าย" และบอกว่าวอชิงตันควรแก้ผิดให้เป็นถูกโดยทันทีและหยุดแทรกแซงกิจการกิจการภายในของจีน "จีนจะเดินหน้าใช้มาตรการต่างๆอย่างหนักแน่นและแข็งขันเพื่อพิทักษ์อำนาจอธิปไตยแห่งชาติ ความมั่นคงและผลประโยชน์แห่งการพัฒนา"

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่าองค์กรที่ถูกขึ้นบัญชีดำเหล่านี้ "มีส่วนพัวพันกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยใช้นโยบายกดขี่, กักขังหน่วงเหนี่ยวตามอำเภอใจ และใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อสอดแนมชาวอุยกูร์, คาซัค และชนกลุ่มน้อยมุสลิมอื่นๆ"

เกิง ตอบโต้ว่าไม่มีการละเมิดสิทธินุษยชนเกิดขึ้นในภูมิภาคตะวันตกไกลดังกล่าว พร้อมระบุว่า "ประเด็นที่สหรัฐฯเรียกว่าปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนนั้้นไม่มีอยู่จริงในซินเจียง จีนใช้มาตรการต่างๆในการกำจัดการฝังรากลึกของลัทธิหัวรุนแรง และมาตรการเหล่านี้ดำเนินการตามกรอบของกฎหมายจีนและแนวทางปฏิบัติสากลอย่างสมบูรณ์"

ด้วยความเห็นล่าสุดของ เกิง ไม่ต่างจากถ้อยแถลงของกระทรวงการต่างประเทศจีนเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พวกนักวิเคราะห์จึงมองว่าปักกิ่งดูเหมือนจะมีความกังวลมากกว่าเกี่ยวกับชะตากรรมของการเจรจาทางการค้าอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบกว่า 2 เดือน ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในสัปดาห์นี้

องค์กรที่ถูกเพิ่มชื่อลงในบัญชีดำ ‘Entity List’ ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์(7ต.ค.) ประกอบด้วยสำนักงานความมั่นคงสาธารณะแห่งรัฐบาลประชาชนประจำเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์, หน่วยงานในสังกัดของรัฐ 19 แห่ง และบริษัทเชิงพาณิชย์อีก 8 แห่ง ในนั้นรวมถึง Hikvision และ Zhejiang Dahua Technology สองผู้ผลิตกล้องวงจรปิดรายใหญ่ที่สุดของโลก

การถูกเพิ่มชื่อลงใน Entity List จะทำให้บริษัทหรือองค์กรเหล่านี้ไม่สามารถซื้อชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆ จากผู้ผลิตอเมริกันได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากรัฐบาลสหรัฐฯ

โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯรายหนึ่งบอกว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการเจรจาทางการค้า แต่บอกว่าพวกเขาจะไม่อดทนต่อกรณีที่ชนกลุุ่มน้อยทางเชื้อชาติถูกกดขี่อย่างทารุณในจีน

ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ก็ได้สั่งขึ้นบัญชีดำ หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ และบริษัทในเครือกว่า 100 แห่ง ซึ่งส่งผลกระทบไม่น้อยต่อซัพพลายเออร์ในอเมริกาที่พึ่งพารายได้จากการขายชิ้นส่วนให้บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของโลก ขณะที่หัวเว่ยเองก็จำหน่ายผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆได้ยากขึ้น แม้ว่า หัวเว่ย ยืนกรานปฏิเสธมาตลอดว่าพวกเขาไม่ความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีน กองทัพหรือหน่วยข่าวกรอง และตอนนี้กำลังฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐฯต่อข้อจำกัดดังกล่าว

ลู่ เซียง นักวิจัยจากสถาบันสังคมศาสตร์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระบุว่าบัญชีดำดังกล่าวเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นมิตรของรัฐบาลสหรัฐฯ และไม่มีประโยชน์ใดๆในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนในภาพรวม ก่อนหน้าการเจรจาทางการค้า
กำลังโหลดความคิดเห็น