'ทรัมป์'ด่าเดโมแครต 'ทำรัฐประหาร' 'พอมเพโอ'ขวางจนท.ทูตให้การสภา

เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (1 ก.ย.) ประณามการสอบสวนตามกระบวนการถอดถอนตนออกจากตำแหน่งว่า เป็น “การก่อรัฐประหารยึดอำนาจ” ขณะรัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ พอมเพโอ แอ่นอกปกป้องนายสุดฤทธิ์ ลั่นทำวิถีทางเพื่อขัดขวางหรือยื้อการให้ปากคำของพวกเจ้าหน้าที่กระทรวงของเขา ในเรื่องที่ทรัมป์ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจอย่างมิชอบโดยหาทางทำให้ยูเครนร่วมเล่นสกปรกถล่มตัวเก็งที่จะเป็นคู่แข่งขันของตนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020

ทรัมป์ ทวิตในวันอังคาร (1) ว่า นับวันเขายิ่งได้ข้อสรุปชัดเจนขึ้นว่า การกระทำของพรรคเดโมแครตไม่ใช่การถอดถอน แต่เป็นความพยายามทำรัฐประหารยึดอำนาจเพื่อแย่งชิงอำนาจและสิทธิเสรีภาพของประชาชน นอกจากนั้นเขายังตั้งคำถามเดิมที่เคยพูดมาแล้วว่า ทำไม แอดัม ชิฟฟ์ ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองของสภาล่าง จึงไม่ถูกแจ้งข้อหาฉ้อฉลจากการบิดเบือนข้อมูลบันทึกการสนทนาของตนกับประธานาธิบดียูเครน ซึ่งทางทำเนียบขาวได้นำเสนอเนื้อหาแบบไม่ใช่คำต่อคำให้แก่รัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ในวันเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศพอมเพโอ ก็กล่าวหาประธานของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฏรทั้ง 3 ชุด ซึ่งได้แก่ ข่าวกรอง, วิเทศสัมพันธ์, และกำกับดูแล ที่ล้วนแต่เป็น ส.ส.สังกัดพรรคเดโมแครต และได้รับมอบหมายจากประธานสภาล่าง ให้ดำเนินการสอบสวนตามกระบวนการถอดถอนทรัมป์ โดยพอมเพโอบอกว่าพวกเดโมแครตเหล่านี้กำลังพยายามข่มขู่ รังแก และปฏิบัติอย่างมิชอบต่อบุคลากรมืออาชีพในกระทรวงการต่างประเทศ

อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายเดโมแครตเตือนว่า หากพอมเพโอพยายามปกป้องทรัมป์ด้วยการขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งรวมถึงนักการทูตอย่างน้อย 2 คนที่เคยเกี่ยวข้องโดยตรงกับกรณียูเครน ให้การต่อสภา จะถือว่า กระทำผิดกฎหมาย

การปะทะคารมครั้งนี้สะท้อนการต่อสู้ครั้งสำคัญระหว่างคณะบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ในกระบวนการสอบสวนที่อาจทำให้ทรัมป์เป็นผู้นำอเมริกาคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่ถูกรัฐสภาพิจารณาถอดถอน

สัปดาห์ที่แล้ว สภาผู้แทนราษฎรที่ควบคุมโดยเดโมแครตเริ่มต้นการสอบสวนตามกระบวนการถอดถอนทรัมป์อย่างเป็นทางการ หลังมีการร้องเรียนจากผู้เปิดโปง รวมทั้งบันทึกการพูดคุยทางโทรศัพท์ที่เพิ่งเปิดเผยออกมา ก็แสดงให้เห็นว่า ทรัมป์กดดันประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ให้หาทางสอบสวนมุ่งจับผิดอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งเวลานี้เป็นตัวเก็งจะได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการลงเลือกตั้งประธานาธิบดีแข่งกับทรัมป์ในปีหน้า

ความเคลื่อนไหวแรกของ 3 ประธานคณะกรรมาธิการ ซึ่งประกอบด้วย ชิฟฟ์ ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรอง, เอลเลียต เอนเจิล ประธานคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ และเอลิจาห์ คัมมิงส์ ประธานคณะกรรมาธิการกำกับดูแล คือออกหมายเรียกเอกสารจากพอมเพโอ และรูดี้ จูเลียนี ทนายความส่วนตัวของทรัมป์ รวมถึงออกหมายเรียกนักการทูต 5 คนของกระทรวงการต่างประเทศ มาให้ปากคำ

ทว่า พอมเพโอประกาศในวันอังคารว่า จะใช้วิธีการทั้งหมดเท่าที่สามารถทำได้เพื่อขัดขวางและชะลอความพยายามของเดโมแครตในการข่มขู่เจ้าหน้าที่มืออาชีพของกระทรวงการต่างประเทศ นอกจากนั้นยังไม่มีความชัดเจนว่า พอมเพโอจะส่งมอบเอกสารตามที่คณะกรรมาธิการสภาล่างร้องขอภายในวันศุกร์ (4) นี้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม สื่อสหรัฐฯรายงานว่า เคิร์ต โวลเกอร์ อดีตผู้แทนพิเศษด้านกิจการยูเครนของทรัมป์ สมัครใจจะไปให้การต่อคณะกรรมาธิการสภาล่างในวันพฤหัสบดี (3) เช่นเดียวกับมารี โยวาโนวิตช์ อดีตเอกอัครราชทูตประจำกรุงเคียฟ ที่จะให้การแบบปิดลับในวันศุกร์หน้า (11) เนื่องจากทั้ง 2 คนลาออกจากกระทรวงแล้ว พอมเพโอจึงไม่ได้มีอำนาจที่จะสั่งห้ามพวกเขาไปปรากฏตัวต่อสภา

โวลเกอร์นั้นมีบทบาทโดยตรงในการจัดให้จูเลียนีได้พบกับเซเลนสกี ส่วนโยวาโนวิตช์ถูกปลดเมื่อต้นปีหลังต่อต้านความพยายามดังกล่าว

นอกจากนั้น พรรคเดโมแครตยังต้องการเรียก ที. อัลริช เบรชบุล ที่ปรึกษาพิเศษของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ร่วมรับฟังการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับเซเลนสกี ไปให้การด้วย

ประธานคณะกรรมาธิการทั้งสามชุดยังกล่าวหาพอมเพโอมีผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากตามรายงานที่ปรากฏทางสื่อ ตัวเขาเองก็อยู่ในเหตุการณ์ที่ทรัมป์โทรศัพท์กดดันผู้นำยูเครนด้วย ซึ่งหากเป็นจริงจะเท่ากับว่า พอมเพโออยู่ในฐานะเป็นพยานในเรื่องการให้ข้อเท็จจริงในกรณีนี้ จึงควรยุติการข่มขู่พยานในกระทรวงการต่างประเทศเพื่อปกป้องตัวเองและทรัมป์ทันที

สื่อของอเมริกายังรายงานว่า ผู้ตรวจการของกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งไม่ได้ขึ้นตรงต่อพอมเพโอ ขอประชุมด่วนกับเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐสภาในวันพุธ (2) เรื่องข้อมูลและเอกสารเกี่ยวกับยูเครน