รอยเตอร์ - ผลสำรวจล่าสุดชี้คะแนนนิยมของ โจ ไบเดน ผู้สมัครประธานาธิบดีเต็งหนึ่งของพรรคเดโมแครตขยับสูงขึ้น ท่ามกลางกระแสข่าวว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ โทรศัพท์ไปกดดันผู้นำยูเครนให้เปิดการสืบสวน ไบเดน และบุตรชาย ในขณะที่กระบวนการถอดถอน (impeachment) ประธานาธิบดีได้รับเสียงสนับสนุนจากชาวอเมริกันลดน้อยลงอีกจากเมื่อหลายเดือนก่อน
ผลสำรวจรอยเตอร์/อิปซอสซึ่งจัดทำระหว่างวันที่ 23-24 ก.ย. พบว่า ชาวอเมริกันที่เป็นฐานเสียงเดโมแครตและอินดิเพนเดนต์ราว 20% ยังยืนยันว่าจะโหวตเลือก ไบเดน เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในศึกเลือกตั้งไพรแมรีซึ่งจะเริ่มในปีหน้า เพิ่มขึ้น 1% จากผลโพลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนับสนุนกระบวนการถอดถอน ทรัมป์ ก็ลดลงมาอยู่ที่ 37% เมื่อเทียบกับผลสำรวจเมื่อช่วงต้นเดือน ก.ย. ที่มีผู้คิดเช่นนี้ราวๆ 41%
กระแสหนุนถอดถอน ทรัมป์ เคยพุ่งแรงขึ้นไปถึง 44% ในผลสำรวจเดือน พ.ค. หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยผลสอบบางส่วนของอัยการพิเศษ โรเบิร์ต มุลเลอร์ กรณีรัสเซียแทรกแซงเลือกตั้งเมื่อปี 2016
ไบเดน ซึ่งเคยเป็นรองประธานาธิบดีของ บารัค โอบามา เผชิญมรสุมการเมืองลูกใหญ่ หลังมีข่าวว่า ทรัมป์ โทรศัพท์ไปกดดันประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนให้ตรวจสอบเรื่องที่ ไบเดน พยายามขัดขวางคดีทุจริตในบริษัทก๊าซแห่งหนึ่งที่เกี่ยวโยงถึง ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของเขา
ส.ส.เดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ประกาศเปิดการไต่สวนเพื่อเริ่มกระบวนการถอดถอน ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง หลังผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันวานนี้ (24) ว่ามีการโทรศัพท์ไปคุยกับ เซเลนสกี เรื่องไบเดนจริง และให้สัญญาว่าจะเผยแพร่สคริปต์บทสนทนาทั้งหมด
เรื่องราวที่เกิดขึ้นบ่งบอกว่า ทรัมป์ มอง ไบเดน เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดในบรรดาผู้สมัคร 19 คนที่หวังจะชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อลงชิงชัยในสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์เตือนว่า หาก ทรัมป์ ใช้วิธีโยนข้อหาทุจริตซ้ำๆ ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความสามารถในการแข่งขันของ ไบเดน ได้
“มันอาจจะสร้างความสับสนได้ หากการหาเสียงมุ่งเน้นไปที่เรื่องพฤติกรรมทุจริตของคนในครอบครัว ไบเดน มากขึ้นเรื่อยๆ” โดนัลด์ กรีน อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียให้ความเห็น พร้อมเตือนว่าการที่พรรคเดโมแครตเริ่มกระบวนการอิมพีชเมนต์ในช่วงใกล้เลือกตั้ง โดยอ้างบทสนทนาที่อาจถูกตีความไปได้หลายทาง มีความสุ่มเสี่ยงอยู่พอสมควร
“ผมไม่คิดว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่จะรับรู้ข้อมูลมากนักเกี่ยวกับยูเครนหรือสิ่งที่ ทรัมป์ กำลังพูด... ถ้าเรื่องนี้มีความกำกวม มันอาจถูกมองว่าเป็นการล่าแม่มดก็ได้”
ผลสำรวจรอยเตอร์/อิปซอสพบว่า มีชาวอเมริกันเพียง 17% ที่ “ได้ฟังข่าวมากมาย” เกี่ยวกับเรื่องที่ ทรัมป์ ไปคุยกับผู้นำยูเครนเพื่อหาทางเอาผิดไบเดน ขณะที่ 31% ตอบว่า “รู้รายละเอียดมาบ้าง” และ 52% ตอบว่า "แทบจะไม่รู้อะไรเลย"