xs
xsm
sm
md
lg

อิหร่านไม่หวั่น'ทำสงครามเต็มรูปแบบ" หากสหรัฐฯ,ซาอุฯเปิดฉากโจมตี

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

โมฮัมเหม็ด จาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน
รอยเตอร์/ซีเอ็นเอ็น - รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านในวันพฤหัสบดี(12ก.ย.) เตือนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ กำลังลากเตหะรานเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบในตะวันออกกลาง ตามหลังเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทางวอชิงตันและริยาดกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิหร่าน

ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันพุธ (18 ก.ย.) บนเครื่องบินก่อนลงจอดที่เมืองเจดดาห์ทางตะวันตกของซาอุฯ ว่าการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานในการผลิตน้ำมันเมื่อสุดสัปดาห์ ที่ทำให้กำลังผลิตน้ำมันของริยาดหายไปถึงครึ่งหนึ่งและสร้างความปั่นป่วนต่อตลาดพลังงานโลกนั้น "เป็นการทำสงคราม" และกำลังหารือกับซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรอื่นๆในอ่าวเปอร์เซีย เกี่ยวกับแนวทางตอบโต้

อย่างไรก็ตามในวันเดียวกันนั้น ทรัมป์ ใช้สุ้มเสียงระมัดระวัง โดยบอกว่ามีทางเลือกต่างๆมากมายนอกเหนือจากการทำสงครามกับอิหร่าน พร้อมกับออกคำสั่งให้คว่ำบาตรเตหะรานเพิ่มเติมชุดใหญ่ แม้อิหร่านยืนกรานปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดีอาระเบียเมื่อวันที่ 14 กันยายน

โมฮัมเหม็ด จาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ออกมาตอบโต้ โดยบอกกับซีเอ็นเอ็นวว่าอิหร่าน "จะไม่กะพริบตา" หากจำเป็นต้องปกป้องตนเองจากการโจมตีทางทหารใดๆของสหรัฐฯและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเขาบอกว่ามันจะนำไปสู่ "สงครามเต็มรูปแบบ"

ซารีฟ บอกว่า พอมเพโอ นั้นเป็นส่วนหนึ่งที่พวกเขาเรียกว่า "ทีมบี" ในนั้นรวมถึงมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทางเตหะรานกล่าวหาว่าเป็นคณะที่พยายามล่อลวงทรัมป์เข้าสู่ทางเลือกของการทำสงคราม

ริยาด ซึ่งเรียกเหตุโจมตีดังกล่าวว่าเป็นบททดสอบความมุ่งมั่นของโลก เมื่อวันพุธ(18ก.ย.) จัดแสดงเศษซากโดรนและขีปนาวุธที่พวกเขาระบุว่าเป็นหลักฐานการรุกรานของอิหร่าน "ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้" โดยทางโฆษกบอกว่ารวมแล้วมีโดรนและขีปนาวุธ 25 เที่ยวที่ถูกใช้ในการโจมตี และการโจมตีดังกล่าวถูกปล่อยมาจากอิหร่าน ไม่ใช่เยเมน

ขบวนการเคลื่อนไหวฮูตี พันธมิตรของอิหร่านในเยเมน ซึ่งกำลังสู้รบกับพันธมิตรทหารที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ออกมาอ้างความรับผิดชอบเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งของซาอุดีอาระเบีย ในนั้นรวมถึงโรงแปรรูปน้ำมันใหญ่ที่สุดของโลก แต่สหรัฐฯและซาอุดีอาระเบียปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว โดยย้ำว่าการโจมตีไม่ได้มาจากทางใต้

ข้อพิสูจน์ที่ชี้ให้เห็นว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลังและหลักฐานที่บ่งชี้ว่ามันถูกยิงออกมาจากดินแดนของอิหร่าน อาจกดดันให้ริยาดและวอชิงตันต้องดำเนินการตอบโต้ แม้ทั้งสองประเทศพยายามเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องพินิจพิเคราะห์อย่างระมัดระวัง

พอมเพโอ บอกว่าเหตุโจมตีดังกล่าวจะเป็นประเด็นสนใจสำคัญของที่ประชุมประจำปีสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในสัปดาห์หน้า และบ่งชี้ว่าริยาดจะหยิบยกเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุม

ซารีฟ กล่าวหาพอมเพโอ ว่ากำลังพยายามหลบหลีกพันธสัญญาของสหรัฐฯที่ต้องออกวีซ่าให้แก่คณะผู้แทนประจำยูเอ็นของอิหร่าน

ขณะเดียวกันเตหะรานยังระบุด้วยว่าคำกล่าวหาของสหรัฐฯเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายกดดันอิหร่านขั้นสูงสุดของวอชิงตัน เพื่อบีบให้เตหะรานเจรจาใหม่ในข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ที่ทำไว้กับมหาอำนาจโลก ซึ่งทรัมป์ถอนสหรัฐฯออกจากข้อตกลงดังกล่าวเมื่อปีที่แล้วและกลับมาคว่ำบาตรอิหร่านอีกรอบ โดยพุ่งเป้าไปที่ภาคพลังงาน

เตหะราน ซึ่งค่อยๆละทิ้งพันธสัญญาในข้อตกลงนิวเคลียร์ทีละขั้น ปฏิเสธเจรจาใดๆจนกว่าจะมีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร "ตอนนี้สหรัฐฯกำลังใช้น้ำมันเป็นอาวุธ น้ำมันไม่ใช่อาวุธ" รัฐมนตรีพลังงานอิหร่านกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น