รอยเตอร์ - วอลล์มาร์ท อิงก์ บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ประกาศเลิกจำหน่ายกระสุนปืนพกและกระสุนปืนไรเฟิลจู่โจมบางชนิดในทุกสาขาทั่วสหรัฐอเมริกาเมื่อวานนี้ (3 ก.ย.) พร้อมเรียกร้องให้ภาครัฐออกมาตรการคุมเข้มอาวุธปืน ภายหลังเกิดเหตุกราดยิงติดๆ กันหลายครั้ง รวมถึงที่ห้างวอลล์มาร์ทในรัฐเทกซัส และมิสซิสซิปปี
วอลล์มาร์ทยังเสนอให้มีการตรวจเช็กประวัติผู้ซื้อปืน และนำปืนออกจากการครอบครองของบุคคลที่อาจก่อความรุนแรง หลังจากนั้นไม่นานเครือห้างซูเปอร์มาร์เกตดัง “โครเกอร์” ก็ออกมาเรียกร้องคล้ายๆ กัน
ทั้งวอลล์มาร์ท และโครเกอร์ ยังขอร้องให้ลูกค้างดพกปืนขณะเข้ามาจับจ่ายซื้อของในร้าน แม้กฎหมายท้องถิ่นจะอนุญาตให้ทำได้ก็ตาม
ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกทั้ง 2 รายเป็นหนึ่งในอีกหลายบริษัททั่วสหรัฐฯ ที่ออกมาตอบสนองกระแสเรียกร้องความปลอดภัยด้านอาวุธปืน หลังชาวอเมริกันต้องเผชิญความเสี่ยงจากเหตุกราดยิงสังหารหมู่บ่อยขึ้นเรื่อยๆ
“เราเห็นแล้วว่าสภาพการณ์ในปัจจุบันเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้” ดัก แม็กมิลลอน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารวอลล์มาร์ทระบุในจดหมายเวียนที่ส่งถึงพนักงาน “ในฐานะบริษัท เราผ่านประสบการณ์เลวร้ายถึง 2 ครั้งในรอบสัปดาห์ และเราจะไม่เป็นเหมือนเดิมอีก”
เจสสิกา เอเดลแมน รองประธานฝ่ายกิจการบริษัทของโครเกอร์ ก็ออกมาเอ่ยถึง “เสียงร้องเรียนของชาวอเมริกันซึ่งไม่สบายใจกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกฎหมายอาวุธปืนอย่างเป็นรูปธรรมและใช้สามัญสำนึก” ซึ่งทางบริษัท “ขอสนับสนุนให้ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งออกกฎหมายตรวจสอบประวัติผู้ซื้อปืน และควบคุมปืนไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของผู้ที่อาจก่อความรุนแรง”
การตัดสินใจของวอลมาร์ทมีขึ้นหลังจากที่ แม็กมิลลอน ได้เดินทางไปยังเมืองเอลปาโซ รัฐเทกซัส เมื่อวันที่ 6 ส.ค. โดย 3 วันก่อนหน้านั้นมีมือปืนบุกเข้าไปกราดยิงคนภายในห้างวอลล์มาร์ทที่นั่น จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 22 ราย
วอลล์มาร์ท อิงก์ จะหยุดจำหน่ายกระสุนปืนพกและกระสุนปืนไรเฟิลจู่โจมบางชนิดทั่วสหรัฐฯ และจะเลิกจำหน่ายปืนพกในรัฐอะแลสกา ซึ่งเป็นรัฐเดียวที่ทางบริษัทยังคงขายปืนพกอยู่ในปัจจุบัน
มาตรการเหล่านี้จะเริ่มมีผลบังคับหลังจากสินค้าล็อตปัจจุบันถูกจำหน่ายหมด
ในส่วนของโครเกอร์นั้นเคยจำหน่ายปืนในห้างซูเปอร์มาร์เกต เฟร็ด เมเยอร์ ทั้ง 43 สาขาในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือและรัฐอะแลสกา ก่อนจะประกาศถอนตัวออกจากธุรกิจค้าปืนในเดือน มี.ค.ปี 2018
ประกาศจากบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ทั้งสองนำมาทั้งเสียงชื่นชมและวิพากษ์วิจารณ์ โดยองค์กร Moms and Demand ซึ่งเรียกร้องมาตรการคุมเข้มอาวุธปืนชี้ว่า วอลล์มาร์ทและโครเกอร์ “กำลังส่งสัญญาณเตือนชัดเจนว่า ถ้าพวก ส.ส.ไม่คุ้มครองประชาชนในเขตเลือกตั้งของตน บริษัทเอกชนก็พร้อมที่จะปกป้องลูกค้าของพวกเขา”
ด้านสมาคมไรเฟิลแห่งชาติ (NRA) ซึ่งเป็นล็อบบี้ยิสต์ปืนที่มีอิทธิพลทางการเมืองอย่างสูงในสหรัฐฯ วิจารณ์วอลล์มาร์ทว่าตกเป็นเหยื่อ “พวกอภิสิทธิชนที่ต่อต้านปืน” และยังทำนายว่าหลังจากนี้ลูกค้าวอลล์มาร์ทจะหันไปต่อคิวซื้อสินค้าจากบริษัทค้าปลีกรายอื่น “ที่เคารพเสรีภาพขั้นพื้นฐานของชาวอเมริกัน”
วอลล์มาร์ทระบุว่า นโยบายล่าสุดจะทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งในตลาดกระสุนปืนเหลือเพียง 6-9% จากเดิม 20% โดยมีเป้าหมายที่จะลดลงอีกเรื่อยๆ
ธุรกิจค้าปืนและเครื่องกระสุนในสหรัฐฯ ทำรายได้รวมประมาณ 11,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว โดย 19% มาจากการจำหน่ายเครื่องกระสุน ตามข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ตลาด IBISWorld
ปีที่แล้ว ธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา ประกาศงดอนุมัติสินเชื่อให้แก่บริษัทที่ผลิตปืนสไตล์ทหารเพื่อจำหน่ายแก่พลเรือน ขณะที่สายการบินเดลตาแอร์ไลน์ส และยูไนเต็ดแอร์ไลน์ส ก็ยกเลิกนโยบายลดค่าตั๋วเครื่องบินให้แก่สมาชิกของ NRA
