รอยเตอร์ - สหรัฐฯ ประกาศนโยบายใหม่ซึ่งจะทำให้บุตรของทหารหรือลูกจ้างรัฐบาลอเมริกันซึ่งเกิดในขณะที่พ่อแม่ประจำการอยู่ในต่างแดนอาจไม่ได้รับสัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัติ
ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. เป็นต้นไป ทหารเมริกันหรือเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางบางส่วนที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในต่างประเทศจะต้องทำเรื่องขอสัญชาติอย่างเป็นทางการให้แก่บุตร ก่อนที่พวกเขาจะอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์
อย่างไรก็ตาม ระเบียบใหม่ซึ่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวานนี้ (28 ส.ค.) ยังกำหนดข้อยกเว้นให้แก่เด็กซึ่งมีพ่อหรือแม่เป็นชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ก่อนที่เด็กนั้นจะเกิด
กฎหมายสหรัฐฯ ในปัจจุบันถือว่าเด็กซึ่งเกิดจากชาวอเมริกันที่รัฐบาลส่งไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศ “อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา” ซึ่งทำให้พวกเขามีสิทธิ์ได้รับสัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม เอกสารแจ้งนโยบาย (policy alert) ความยาว 11 หน้ากระดาษระบุว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติ (USCIS) พบว่าระเบียบเดิมนั้นไม่สอดคล้องกับกฎหมายคนเข้าเมืองส่วนกลาง และระเบียบขั้นตอนต่างๆ ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในปัจจุบัน
เคน คุชชิเนลลี รักษาการผู้อำนวยการ USCIS ชี้แจงผ่านทวิตเตอร์ว่า นโยบายใหม่จะไม่ส่งผลกระทบต่อหลักการได้สัญชาติโดยกำเนิด (birthright citizenship) ซึ่งระบุไว้ว่า บุคคลใดก็ตามที่เกิดบนแผ่นดินสหรัฐฯ หรือสถานที่ซึ่งเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลอเมริกันย่อมมีสิทธิ์ได้สัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัติ
“มันจะมีผลกระทบต่อเด็กที่เกิดนอกสหรัฐฯ และไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯ เท่านั้น” คุชชิเนลลี กล่าว
ทั้งนี้ ชุมชนชาวอเมริกันในต่างแดนก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้เช่นกัน เนื่องจากเด็กที่เกิดจากพ่อแม่อเมริกันซึ่งไม่ได้เป็นทหารหรือลูกจ้างของรัฐมีสิทธิ์ที่จะได้สัญชาติแต่กำเนิดอยู่แล้ว ขอเพียงบิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่งเป็นชาวอเมริกันที่เคยอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป
อย่างไรก็ดี นโยบายของ ทรัมป์ ซึ่งไม่มีผลย้อนหลังยังคงถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยองค์กรซึ่งเป็นตัวแทนของทหาร
“ทหารในกองทัพต้องเผชิญปัญหาต่างๆ มากมายพออยู่แล้ว การผ่านขั้นตอนยุ่งยากเพื่อให้ลูกได้สถานะพลเมืองจึงเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาควรต้องทำระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในต่างแดน” แอนดี เบลวินส์ ผู้อำนวยการสมาคมทหารสมัยใหม่แห่งอเมริกา (Modern Military Association of America) ระบุ
เบลวินส์ ยังเรียกร้องให้สภาคองเกรสออกมาตรการแทรกแซง “เพื่อช่วยเหลือครอบครัวทหารไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนจากรัฐบาลที่สะเพร่า”