รอยเตอร์ - บริษัท เฟซบุ๊ก อิงค์ ยอมเสียค่าปรับ 5,000 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติคดีความที่คณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (FTC) ยื่นฟ้องฐานละเมิดข้อตกลงว่าด้วยการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ และเตรียมตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลความเป็นส่วนตัว รวมถึงมีมาตรการรับรองว่าข้อมูลผู้ใช้เฟซบุ๊กจะได้รับการปกป้อง
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เงื่อนไขยุติคดียังกำหนดให้ มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ซีอีโอและผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ต้องแสดงข้อมูลยืนยันทุกๆ 3 เดือนเพื่อรับรองว่าบริษัทมีการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อย่างเหมาะสม
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าว 2 คนเมื่อวันอังคาร (23 ก.ค.) ว่า FTC เตรียมกล่าวหาว่าเฟซบุ๊กทำให้ผู้ใช้เข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับวิธีจัดการหมายเลขโทรศัพท์ และการใช้ระบบยืนยันแบบ 2 ขั้นตอน (two-factor authentication) โดยเป็นส่วนหนึ่งของข้อร้องเรียนที่ครอบคลุมประเด็นต่างๆ อย่างกว้างขวาง
ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ก็คาดว่าจะประกาศข้อตกลงยุติคดีกับเฟซบุ๊กด้วยวงเงินค่าปรับราว 100 ล้านดอลลาร์ หลังสื่อโซเชียลยักษ์ใหญ่ถูกครหาว่าปกปิดความเสี่ยงด้านการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้นักลงทุนทราบ
วอชิงตันโพสต์ระบุด้วยว่า FTC เตรียมกล่าวหาเฟซบุ๊กว่าไม่ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับระบบจดจำใบหน้า (face recognition) ให้ผู้ใช้ราว 30 ล้านคนได้รับทราบอย่างเพียงพอ
ข้อตกลงยุติการสอบสวนเฟซบุ๊กมีขึ้น ท่ามกลางความวิตกกังวลในหมู่ผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐฯ เกี่ยวกับมาตรการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้สื่อออนไลน์ จนนำมาสู่กระแสเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งออกกฎหมายคุ้มครอง
แหล่งข่าว 2 คนยืนยันกับวอชิงตันโพสต์ว่า FTC จะไม่บังคับให้เฟซบุ๊กต้องยอมรับผิดเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงยุติคดี และข้อตกลงที่ว่านี้ยังต้องรอผู้พิพากษาศาลส่วนกลางอนุมัติเห็นชอบเสียก่อน
สำหรับวงเงินค่าปรับ 5,000 ล้านดอลลาร์นี้ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับคดีทางเทคโนโลยีที่เคยเกิดขึ้นในสหรัฐฯ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีเสียงวิจารณ์จากสมาชิกสภาคองเกรสบางคนว่าน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับรายได้รวมของเฟซบุ๊กที่สูงถึง 55,800 ล้านดอลลาร์ และกำไรสุทธิ 22,100 ล้านดอลลาร์ในปี 2018
มาร์ชา แบล็คเบิร์น ส.ว.พรรครีพับลิกัน เรียกร้องเมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้เพิ่มเงินค่าปรับเฟซบุ๊กเป็น 50,000 ล้านดอลลาร์
FTC ยืนยันเมื่อเดือน มี.ค. ปี 2018 ว่าได้เปิดการสอบสวนเฟซบุ๊กกรณีแชร์ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ 87 ล้านคนให้แก่ เคมบริดจ์ แอนาลิติกา (Cambridge Analytica) บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลการเมืองในอังกฤษ ซึ่งเข้าข่ายละเมิดข้อตกลงที่ทำกับ FTC ไว้เมื่อปี 2011 ก่อนจะขยายผลไปสู่ข้อครหาละเมิดความเป็นส่วนตัวในด้านอื่นๆ
ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุว่าประเด็นเกี่ยวกับหมายเลขโทรศัพท์, ระบบจดจำใบหน้า และระบบยืนยันแบบ 2 ขั้นตอนนั้นเป็นคนละส่วนกับการสอบสวนกรณีที่เฟซบุ๊กแชร์ข้อมูลผู้ใช้ให้กับ เคมบริดจ์ แอนาลิติกา
แม้ข้อตกลงยุติคดีนี้จะช่วยให้เฟซบุ๊กผ่านพ้นวิกฤตไปได้เปลาะหนึ่ง แต่ก็ต้องเตรียมตัวโดนซักฟอกอีกครั้งเมื่อ FTC และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดการสอบสวนพฤติกรรมผูกขาดตลาด (antitrust) ของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ๆ รวมถึงกระแสวิจารณ์จากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับแผนเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัล ‘ลิบรา’ (Libra) ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะเกิดการละเมิดความเป็นส่วนตัว และอาจถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน