เอเจนซีส์/เอพี - เมื่อวานนี้(15 ก.ค) รัฐบาลสหรัฐฯแถลงยุติการคุ้มครองลี้ภัยต่อชาวอเมริกากลางส่วนใหญ่ มีผลบังคับใช้ในวันอังคาร(16 ก.ค) ผู้ลี้ภัยที่ผ่านประเทศอื่นเข้ามาทางพรมแดนใต้ต้องขอลี้ภัยจากประเทศอื่นก่อนถึงมีสิทธิ์เข้าข่ายขอรับการปกป้องจากสหรัฐฯ บังคับใช้แม้กระทั่งเด็กเดินทางคนเดียว ถือเป็นมาตรการล่าสุดของรัฐบาลชุดประธานาธิบดีทรัมป์ในความพยายามจำกัดการไหลเข้าประเทศของผู้อพยพ ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศเม็กซืโกออกแถลงวันเดียวกัน ไม่เห็นด้วยต่อมาตรการจำกัดการเข้าถึงการลี้ภัย ชี้การประกาศของสหรัฐฯจะไม่ทำให้เม็กซิโกกลายเป็นประเทศปลอดภัยที่ 3 สำหรับผู้อพยพ
NBC NEWS รายงานเมื่อวานนี้(15 ก.ค) ในเช้าวันจันทร์(15) กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯแถลงร่วมกันว่า รัฐบาลสหรัฐฯจะไม่ให้การปกป้องการลี้ภัยต่อผู้อพยพจากอเมริกากลางอีกต่อไป ซึ่งเป็นการจำกัดการให้สิทธิ์ลี้ภัยแก่ผู้อพยพที่ไหลเข้ามาทางพรมแดนทางใต้ของสหรัฐฯ
อ้างอิงจากแถลงการณ์ของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ กฎใหม่ระบุว่า ผู้ต้องการขอการลี้ภัยจากพรมแดนใต้ที่ผ่านเข้ามาจากประเทศอื่นและไม่ได้ร้องขอการลี้ภัยที่นั่นจะไม่มีสิทธิ์ได้รับการปกป้องจากสหรัฐฯ
ซึ่งในตามความเป็นจริงผู้อพยพจากฮอนดูรัส กัวเตมาลา และเอลซัลวาดอร์จะไม่สามารถได้สิทธิ์ลี้ภัยในอเมริกาหากว่าคนเหล่านี้ไม่ได้ร้องขอจากเม็กซิโกเสียก่อน ทั้งนี้กฎใหม่นี้จะถูกบังคับใช้กับผู้ผ่านเข้าพรมแดนทางใต้ที่มาจากประเทศอื่นๆเช่นกัน
เอพีกล่าวว่า กฎใหม่นี้ที่ถูกใช้ในวันอังคาร(16) ก็เท่ากับว่าไม่ให้ผู้อพยพจากอเมริกากลางสามารถลี้ภัยในอเมริกาได้โดยสิ้นเชิง
“จนกว่าสภาคองเกรสสามารถลงมือ กฎชั่วคราวนี้จะช่วยลดปัจจัยใหญ่ที่ทำให้เกิดความผิดปกติของการอพยพเข้าสหรัฐฯ และช่วยให้ทางกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯและกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯสามารถจัดการเคสที่มาจากพรมแดนใต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่จำนวนที่น้อยลงของคนที่ข้ามผ่านเม็กซิโกเข้ามาในการเดินทางที่เป็นอันตราย รักษาการรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ เควิน แม็คคาลีแนน(Kevin McAleenan) กล่าว
อย่างไรก็ตามพบว่า ความเคลื่อนไหวครั้งใหม่ของรัฐบาลประธานาธิยบดี โดนัลด์ ทรัมป์นี้ไม่ได้ปรึกษาหารือกับเม็กซิโกก่อนหน้า เอพีรายงานว่า ในวันจันทร์(15) รัฐมนตรีต่างประเทศเม็กซิโก มาร์เซโล เอบราร์ด ( Marcelo Ebrard ) กล่าวว่า ทางเม็กซิโกไม่เห็นด้วยต่อมาตรการจำกัดการเข้าถึงที่ลี้ภัย
และในการแถลงข่าว เอบราดกล่าวว่า ข้อตกลงประเทศที่ 3 ที่ปลอดภัยสำหรับผู้อพยพกับสหรัฐฯจะไม่เกิดขึ้น แต่ทว่าหลังจากนั้นรัฐมนตรีต่างประเทศเม็กซิโกแก้ว่า จำเป็นต้องให้สมาชิกรัฐสภาเม็กซืโกรับรองก่อน เขาชี้ว่าสำหรับเม็กซิโกจะยังคงดำเนินนโยบายผู้อพยพตามเดิมต่อไป
NBC NEWS ชี้ว่า กฎใหม่นี้ยังบังคับใช้กับผู้อพยพที่ผ่านพรมแดนทางใต้ตามลำพัง
เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯชี้ว่า ระบบเข้าเมืองสหรัฐฯนั้นล้นไปด้วยจำนวนของผู้ร้องขอลี้ภัย พร้อมกับการเพิ่มจำนวนคดีเข้าเมืองที่ศาลเข้าเมืองสหรัฐฯมากถึง 3 เท่าระหว่างปี 2013 -2018 แต่จำนวนผู้ที่ได้สิทธิ์ลี้ภัยนั้นมีจำนวนที่เล็กน้อยมาก
ด้านกลุ่มสนับสนุนสิทธิผู้อพยพออกมาชี้ว่า กฎใหม่ที่ออกมานี้ถือเป็นการจำกัดสิทธิการขอลี้ภัยในประเทศอเมริกาของผู้อพยพโดยสิ้นเชิง โดย ชารันยา กริชนาสวามี (Charanya Krishnaswami ) ผู้อำนวยการ Americas for Amnesty International ได้แสดงความเห็นว่า กฎใหม่นี้เป็นการพรากขั้นพื้นฐานสิทธิต่อการลี้ภัยภายในดินแดนของสหรัฐฯ
นอกเหนือจากนี้พบว่า กลุ่มองค์กรอื่นเป็นต้นว่า สหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน ACLU ออกมาประกาศที่จะท้าทายกฎใหม่ของสหรัฐฯผ่านทางกระบวนการยุติธรรมสหรัฐฯ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าศาลสหรัฐฯได้ออกมาตัดสินปิดกั้นความพยายามอื่นๆของรัฐบาลสหรัฐฯในการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านการเข้าเมืองสหรัฐฯ
ทั้งนี้พบว่าศาลกัวเตมาลาได้ออกคำสั่งห้ามประธานาธิบดี จิมมี โมราเลส (Jimmy Morales )ลงนามข้อตกลงประเทศปลอดภัยที่ 3 ร่วมกับสหรัฐฯ ซึ่งข้อตกลงนี้หมายความว่า ผู้ลี้ภัยจากเอลซัลวาดอร์ ฮอนดูรัส หรืออื่นๆต้องร้องขอการลี้ภัยในกัวเตมาลาหากว่าข้ามพรมแดนเข้ามามากกว่าที่จะเกิดขึ้นในอเมริกา
และนอกจากนี้กัวเตมาลายังยกเลิกการพบปะระหว่างโมราเลสและทรัมป์ที่จะมีการหารือในประเด็นผู้อพยพและปัญหาความมั่นคงซึ่งตามแผนต้องเกิดขึ้นในวันจันทร์(15)