เอเอฟพี - ในวันจันทร์(24 มิ.ย) ในระหว่างการเยือนกรุงริยาด รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอ ได้ออกมาเรียกร้องให้พันธมิตรใกล้ชิดสหรัฐฯทั้งซาอุฯและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่มความพยายามให้มากขึ้นในการเฝ้าจับตาอิหร่านทางทะเล เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังโดรนทหารของสหรัฐฯถูกยิงตก
เอเอฟพีรายงานวันนี้(25 มิ.ย)ว่า ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯบินไปตะวันออกกลางเพื่อพบกับชาติพันธมิตรที่้ใกล้ชิดของสหรัฐฯ ทั้งนี้พบว่า พอมเพโอได้เข้าเฝ้ามกุฎราชกุมารแห่งอาบูดาบี เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซาเยด (Prince Mohammed bin Zayed) และได้ตรัสทูลขอว่า เขาหวังว่าจะมีมากกว่า 20 ชาติที่รวมไปถึง "สหรัฐฯอาหรับเอมิเรตส์" และ "ซาอุดีอาระเบีย" จะสามารถสามารถทำงานร่วมกันในการสร้างความมั่นคงทางน้ำขึ้น
"ทางเราต้องการขอให้พระองค์และคนอื่นๆทั้งหมดเข้าร่วม เจ้าหน้าที่ทางการทหารของฝ่าพระบาท" พอมเพโอกล่าว และเสริมต่อว่า "ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีความปราถนาต้องการให้มีการร่วมแชร์กันเกิดขึ้นเนื่องมาจากทางสหรัฐฯไม่ต้องการแบกรับต้นทุนนี้ตามลำพัง"
ซึ่งในแถลงการณ์ร่วมที่ออกมาระหว่าง 3 ชาติได้แก่ สหรัฐฯ ซาอุฯ และยูเออี ที่มีอังกฤษให้การสนับสนุน ประกาศข้อเรียกร้องให้มีการเจรจากับอิหร่าน ในขณะเดียวกันได้มีการออกคำเตือนใหม่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน โดยแถลงการณ์ร่วม 3 ชาติที่ทางสหรัฐฯเป็นผู้เผยแพร่ในวันจันทร์(24) มีใจความว่า "ทางเราขอเรียกร้องอิหร่านให้หยุดการกระทำในอนาคตอันที่จะเป็นการบั่นทอนต่อเสถียรภาพของภูมิภาค และเรียกร้องให้ใช้ช่องทางการทูตในการลบระดับความตรึงเครียด"
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯกล่าวว่า นโยบายการเป็นพันธมิตรร่วมของพอมเพโอซึ่งเป็นระดับเบื้องต้นของการพัฒนา อาจเกี่ยวข้องกับกองกำลังต่างชาติ แต่หน้าที่ของพวกเขาคือ "สังเกตการณ์" ไม่ใช่ "การให้การคุ้มกันเรือพาณิชย์"
"มันไม่ไช่เป็นการยิงคน แต่เป็นการถ่ายภาพชาวอิหร่าน" เจ้าหน้าที่สหรัฐฯที่เดินทางไปพร้อมกับรัฐมนตรีต่างประเทศ พอมเพโอกล่าว
ทั้งนี้พบว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่สหรัฐฯมองว่าโดรนเป็นเสมือนเครื่องมือผลักดันอิหร่าน ที่ซึ่งในอดีตเคยออกมาข่มขู่จะทำการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นทางผ่านของน้ำมันถึง 20 % ของทั่วโลก
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเปิดเผยถึงยุทธศาสตร์ของวอชิงตันว่า "ทางเราต้องการสร้างกองกำลังพันธมิตรเพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านสามารถลงมือกระทำในอ่าว ซึ่งเป็นอุปสรรคและถือเป็นบ่อนทำลายต่อเสรีภาพทางพาณิชย์และการแลกเปลี่ยนและเสรีภาพของการสัญจร"
และในประเด็นสำคัญทางเจ้าหน้าที่สหรัฐฯย้ำว่า "พันธมิตรที่ร่วมจำเป็นต้องให้การสนับสนุนทางด้านวัตถุและการเงินเพื่อให้สามารถมีการจับตาต่อการขนส่งทั้งหมด"
ทั้งนี้ที่เมืองเจดดาห์ พอมเพโอได้เข้าเฝ้ากษัตริย์คิงซัลมานแห่งซาอุฯและมกุฎราชกุมารซาอุฯ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯกล่าวกับเอเอฟพีว่า ทั้งสองพระองค์ทรงไม่ทราบว่า รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯได้เอ่ยปากถึงปัญหานี้แก่มกุฎราชกุมารแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
