เอเจนซีส์ - ปักกิ่งแถลงย้ำวันจันทร์ (17 มิ.ย.) ยังคงสนับสนุน แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดเกาะฮ่องกง ถึงแม้มีประชากรเรือนแสนเรือนล้านออกมาชุมนุมขับไล่เธอเมื่อวันอาทิตย์ (16) ด้านนักวิเคราะห์ชี้การที่ฮ่องกงยอมชะลอกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนอาจเป็นความพ่ายแพ้ที่นานทีจะเกิดขึ้นสักครั้งสำหรับสี จิ้นผิง กระนั้นนี่อาจเป็นการถอยชั่วคราวเพื่อให้มวลชนสงบลงจึงค่อยกลับมาจัดการแกนนำหัวแข็ง อีกทั้งเป็นไปได้ว่า ปักกิ่งจะพยายามแทรกซึมเข้าควบคุมฮ่องกงเข้มข้นขึ้นอย่างลับๆ
แกนนำการชุมนุมระบุว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมามีประชาชนราว 2 ล้านคนออกมาร่วมชุมนุมเดินขบวนล้นทะลักถนนหลายสายในฮ่องกง ถึงแม้ ลัม ได้ตัดสินใจชะลอการผลักดันกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นหนึ่งวันก็ตามที ขณะที่ตำรวจให้ตัวเลขเอาไว้ที่ 338,000 คน
ขณะเดียวกัน ผู้นำการชุมนุมยังคงปักหลักเรียกร้องให้ ลัม ลาออก ยกเลิกกฎหมายดังกล่าวเป็นการถาวร รวมทั้งขอโทษที่ปล่อยให้ตำรวจใช้กระสุนยางและแก๊ซน้ำตาปราบปรามผู้ชุมนุมเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว
ในคืนวันอาทิตย์ (16) ระหว่างที่ประชาชนฮ่องกงจำนวนมากออกมาชุมนุมประท้วง ลัมได้ระบุผ่านคำแถลงฉบับหนึ่ง ขอโทษสำหรับการดำเนินการอย่างผิดพลาดบกพร่องในเรื่องกฎหมายเจ้าปัญหาฉบับนี้ ทว่าผู้นำของการชุมนุมรวมทั้งพวกนักวิจารณ์ยังคงบอกว่า เธอยอมขอโทษเมื่อมันสายไปเสียแล้ว และควรที่จะก้าวลงจากตำแหน่งไปเลย
กระนั้น ลัม ผู้นำหญิงคนแรกของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ก็ยังคงได้รับการสนับสนุนจากจีน โดย ลู่ คัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในการแถลงข่าวตามปกติของกระทรวงเมื่อวันจันทร์ (17) ว่า รัฐบาลกลางจะยังคงให้การสนับสนุนอย่างเข้มแข็งต่อผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง และความพยายามของรัฐบาลฮ่องกงในการบริหารประเทศภายใต้กฎหมาย
แม้ก่อนหน้านี้ปักกิ่งเห็นด้วยกับการตัดสินใจของ ลัม ในการชะลอการผ่านกฎหมายคนเข้าเมืองฉบับนี้โดยระบุว่า เป็นความพยายามรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในวงกว้างขึ้นและฟื้นความสงบเรียบร้อย ทว่า ลู่แถลงสำทับว่า การประท้วงที่เกิดขึ้นไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของคนฮ่องกงส่วนใหญ่ อีกทั้งยังมีข้อเท็จจริงปรากฏขึ้นมากมายว่า รัฐบาลต่างชาติและแม้แต่นักการเมืองท้องถิ่นบางคนแสดงความคิดเห็นที่เป็นการยั่วยุ นับจากที่รัฐบาลฮ่องกงตัดสินใจแก้ไขกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนในเดือนกุมภาพันธ์
ลัมเข้ารับตำแหน่งนี้เมื่อปี 2017 หลังจากได้รับเลือกจากคณะกรรมการชุดหนึ่งที่อัดแน่นไปด้วยกลุ่มผู้จงรักภักดีต่อปักกิ่ง
ในวันจันทร์ แกนนำการประท้วงยังคงเรียกร้องให้ลัมลาออก ถอนกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ปล่อยตัวนักศึกษาที่ถูกจับกุม และถอนคำแถลงอย่างเป็นทางการซึ่งตีตราว่าการชุมนุมเมื่อวันพุธเป็นการจลาจล
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางคนมองว่า สถานการณ์ในฮ่องกงขณะนี้เป็นความล้มเหลวที่นานทีจะเกิดขึ้นสำหรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ที่คุ้นเคยแต่กับการกระชับอำนาจและคุมเข้มชาวจีนนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปี 2012
ปักกิ่งยังพยายามกันตัวเองจากวิกฤตการเมืองของฮ่องกง โดยยืนยันว่า กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่คนฮ่องกงมองว่า เป็นสัญญาณบ่งชี้อิทธิพลที่มากขึ้นของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้น แท้จริงแล้วเป็นความคิดริเริ่มของรัฐบาลฮ่องกงเอง และจีนยังพยายามสร้างภาพว่า การประท้วงรุนแรงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็น “การจลาจล” ที่มีกลุ่มพลังต่างชาติหนุนหลัง รวมทั้งปิดกั้นข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการประท้วงของฮ่องกงบนโซเชียลมีเดียในจีน
ตัวสีเองนั้นเดินทางไปประชุมที่เอเชียกลางระหว่างที่การประท้วงในฮ่องกงกลายเป็นความรุนแรงเมื่อวันพุธ และเพิ่งเดินทางกลับเมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ชาวฮ่องกงราว 2 ล้านคนกลับมาชุมนุมอีกรอบ
ฌอง-ปิแอร์ คาเบสแตน ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยฮ่องกง แบปติสต์ ชี้ว่า การระงับกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนเอาไว้ก่อน แสดงให้เห็นว่า ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์กลัวว่า การประท้วงรุนแรงอาจส่งผลย้อนกลับไปที่แผ่นดินใหญ่
ด้านบิลล์ บิชอป ผู้เผยแพร่จดหมายข่าว ชิโนซิสม์ ไชน่า มองว่า แม้หลีกเกลี่ยงการปราบปรามผู้ชุมนุมอย่างรุนแรงเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม แต่ต่อจากนี้ปักกิ่งคงจะเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าในการควบคุมฮ่องกงอย่างลับๆ
หวา โป นักวิเคราะห์การเมืองในปักกิ่ง เชื่อว่า สีจะไม่ยอมอ่อนข้อง่ายๆ แต่จะรอให้มวลชนในฮ่องกงสงบลงก่อนจัดการเล่นงานแกนนำหัวแข็งบางคน โดยตั้งข้อสังเกตว่า การผลักดันออกกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นแค่ชะลอแต่ไม่ได้ยกเลิก
กระนั้น แกนนำหัวแข็งวัยหนุ่มสาวเหล่านั้นพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สามารถปรับตัวได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น โจชัว หว่อง หนึ่งในผู้นำขบวนการร่มเหลืองในปี 2014 ที่ครบกำหนดรับโทษจำคุกและได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันจันทร์ หลังจากเข้ารับโทษนาน 5 สัปดาห์จากข้อหาขัดคำสั่งศาล ก็ประกาศทันทีที่ได้รับอิสรภาพว่า จะร่วมการต่อสู้ครั้งใหม่เพื่อขับไล่ลัม
บิชอปทิ้งท้ายว่า การที่ลัมตัดสินใจชะลอกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนอาจเป็นการล่าถอยทางยุทธวิธี เนื่องจากปักกิ่งกำลังเตรียมงานฉลองครบรอบ 70 ปีการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ 1 ตุลาคม