รอยเตอร์ - จีนจะตอบโต้อย่างหนักแน่นหากว่าสหรัฐฯยืนกรานขยายความตึงเครียดทางการค้า จากคำประกาศกร้าวของกระทรวงการต่างประเทศพญามังกรในวันอังคาร(11มิ.ย.) หลังจากก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา ออกมาเตือนว่าพร้อมรีดภาษีเพิ่มเติมหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในเวทีประชุมซัมมิตจี20 เดือนนี้
ทัมป์ย้ำว่าเขาพร้อมประชุมหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ณ เวทีประชุมซัมมิตในโอซากา ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน แต่จืนยังไม่ยืนยันในเรื่องนี้
ประธานาธิบดีสหรัฐฯบอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเขาจะตัดสินใจอีกที หลังหารือกับเหล่าผู้นำชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลก ว่าจะดำเนินการตามคำขู่ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีกมูลค่าอย่างน้อยๆ 300,000 ล้านดอลลาร์หรือไม่
จากนั้นในวันจันทร์(10มิ.ย.) ทรัมป์บอกว่าเขาพร้อมกำหนดมาตรการลงโทษทางภาษีรอบใหม่ต่อสินค้านำเข้าจากจีนหากการเจรจาทางการค้าระหว่างเขากับสีในโอซากา ไม่มีความคืบหน้า
ในเรื่องนี้เป็นอีกครั้งที่ เกิง ส่วง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ไม่ยืนยันว่าจะมีการหารือกันระหว่างสีกับทรัมป์ ณ เวทีจี20 โดยบอกแต่เพียงว่าจะมีการเผยแพร่ข้อมูลก็ต่อเมื่อทางกระทรวงได้รับข้อมูลยืนยันแล้วเท่านั้น
"จีนไม่ต้องการสู้รบในสงครามกาารค้า แต่เราไม่กลัวที่จะต้องสู้ในสงครามการค้า" เขากล่าว พร้อมระบุว่าจีนเปิดประตูสำหรับการเจรจาบนพื้นฐานของความเท่าเทียม "หากสหรัฐฯเพียงต้องการขยายรอยร้าวทางการค้า เราก็จะตอบโต้อย่างเด็ดเดี่ยวและสู้จนวินาทีสุดท้าย"
วิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ในวันอังคาร(11มิ.ย.) บอกปัดถึงความเป็นไปได้ของการประชุมซัมมิตในช่วงปลายเดือนที่ญี่ปุ่น โดยระบุว่าเวทีจี20 ไม่เหมาะสำหรับเป็นสถานที่ทำข้อตกลงในขั้นท้ายสุด "ณ เวทีจี20 มันจะเป็นรูปแบบของข้อตกลงเกี่ยวกับเส้นทางที่มุ่งไปข้างหน้า บางอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงสรุป"
ความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันกับจีนเพิ่มสูงขึ้นในเดือนพฤษภาคม หลังรัฐบาลทรัมป์กล่าวหาจีนผิดคำสัญญาที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่เคยให้ไว้ระหว่างการเจรจาการค้าอันยืดเยื้อหลายเดือน
สหรัฐฯหวังให้มีการเปลี่ยนแปลงต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงยุติบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยีและขโมยความลับทางการค้าของอเมริกา รวมถึงต้องการให้จำกัดการอุดหนุนบริษัทต่างๆที่รัฐจีนเป็นเจ้าของและให้บริษัทต่างๆของสหรัฐฯเข้าถึงตลาดต่างๆในจีนได้สะดวกขึ้น
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ทรัมป์สั่งขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็น 25% มูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ และสั่งให้เจ้าหน้าที่เตรียมการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่เหลืออยู่ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 300,000 ล้านดอลลาร์ กระตุ้นให้ปักกิ่งตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์
รัฐบาลสหรัฐฯยังก่อความขุ่นเคืองแก่จีนด้วยการขึ้นบัญชีดำ หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ผลก็คือห้ามบริษัทต่างๆของอเมริกาทำธุรกิจกับบริษัทจีนแห่งนี้ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดในโลก
นักลงทุนกังวลว่าจีนจะตอบโต้ด้วยการขึ้นบัญชีดำบริษัทต่างๆของสหรัฐฯเช่นกันหรือไม่ก็อาจแบนการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธไปยังสหรัฐฯ ขณะที่แร่ชนิดนี้ใช้สำหรับผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ อ่างเช่นเมโมรีชิป, แบตเตอรีและโทรศัพท์มือถือ