xs
xsm
sm
md
lg

‘ทรัมป์’ไม่มองจุดอ่อนเปราะในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะสงครามการค้าบานปลาย

เผยแพร่:   โดย: เดวิด พี. โกลด์แมน


(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.asiatimes.com)

Trump ignores macro cracks as trade tensions flare
By David P. Goldman
24/05/2019

เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังแสดงให้เห็นอย่างต่อเนื่องถึงสัญญาณของความอ่อนแอ นี่คือสภาพความเป็นจริงที่จะกลายเป็นตัวบ่อนทำลายวิธีการแบบกล้าเสี่ยงสูงของประธานาธิบดีอเมริกัน ในการเจรจาการค้ากับจีน

ประธานาธิบดีทรัมป์พูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯกำลังไปได้สวย ขณะที่ของจีนกำลังย่ำแย่ “เศรษฐกิจของเรากำลังดีงามเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา บางทีอาจจะดีกว่าที่เคยเป็นมาด้วยซ้ำไป” ประธานาธิบดีกล่าวอวดเมื่อวันพฤหัสบดี (23 พ.ค.)

เรื่องนี้ไม่ค่อยถูกต้องเป็นจริงนักหรอก เมื่อตัดพวกปุยฟ่องฟองฟูออกไปแล้ว อัตราเติบโตของจีดีพีสหรัฐฯในไตรมาสแรกปีนี้ที่อ่านในเบื้องต้นได้ว่าอยู่ในระดับ 3.2% นั้น ก็จะหลดลงจนเหลือไม่ถึง 1% อย่างที่ผมได้เคยรายงานเอาไว้เมื่อวันที่ 28 เมษายน (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.asiatimes.com/2019/04/article/yes-but-wheres-the-gdp/) เวลานี้ โมเดลของธนาคารกลางสหรัฐฯสาขาแอตแลนตา (Atlanta Federal Reserve) ก็คาดการณ์ว่าอัตราเติบโตของไตรมาสสองจะอยู่ในระดับแค่1.2% เท่านั้น

มีหลักฐานอันชัดแจ้งว่า ท่านประธานาธิบดีคิดว่าการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯมีความเข้มแข็ง เป็นข้อได้เปรียบที่เขาสามารถนำมาใช้ในการต่อรองกับจีนได้ ความเชื่อในเรื่องนี้นี่เองเป็นตัวหนุนวิธีดำเนินการเจรจาทางการค้าแบบกล้าเสี่ยงสูงของเขา เมื่อเหตุการณ์ดำเนินไปจนกระทั่งถึงบางจุด พวกผู้ช่วยของเขาจะต้องแจ้งข่าวให้เขาทราบจนได้ว่าเศรษฐกิจกำลังเพียงแค่พอจะเติบโตไปได้เท่านั้น ถึงตอนนั้นทรัมป์จะหาทางรอมชอมกับจีนหรือไม่? นี่คงไม่สามารถที่จะคาดเดากันได้

เวลาเดียวกัน พวกดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของมาร์กิต (Markit’s purchasing manager indices หรือ PMIs) ทั้งของทางฝ่ายอุตสาหกรรมการผลิตและทางฝ่ายภาคบริการ ต่างแสดงให้เห็นว่าอัตราเติบโตอยู่ในระดับ 0% ในทางเป็นจริง (ดัชนีเหล่านี้เมื่ออยู่ในระดับ 50 หมายความว่าจำนวนผู้จัดการที่ตอบว่าการสั่งซื้อกำลังเพิ่มขึ้นกับที่ตอบว่ากำลังลดลงอยู่ในระดับเท่ากัน) พวกนักวิเคราะห์ต่างมองกันว่าดัชนี PMIs เป็นเครื่องบ่งชี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในอนาคตที่เชื่อถือได้มากที่สุดและสอดคล้องลงรอยกันที่สุด

ตัวเลขที่ลดต่ำลงในดัชนี PMI ภาคบริการของมาร์กิต ทำเอาตลาดรู้สึกประหลาดใจ โดยพวกนักวิเคราะห์เคยคาดหมายว่าจะได้เห็นตัวเลขอยู่ที่ 53.5 ขณะที่ตัวเลขของ PMI ภาคอุตสาหกรรมการผลิตก็อยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 9 ปี นี่ย่อมสอดคล้องต้องกันกับคำทำนายที่ว่าอัตราเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสองจะอยู่แถวๆ 1% เท่านั้น

สิ่งที่ดูเป็นลางร้ายมากขึ้นกว่านี้อีก ได้แก่รอยปริแตกในความคาดหมายเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยระยะยาว ซึ่งตัววัดก็คืออัตราผลตอบแทนในตลาดพันธบัตร ทั้งนี้ความแตกต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนในพันธบัตรคลังประเภทที่คุ้มครองอัตราเงินเฟ้อ กับในพันธบัตรคลังธรรมดา คือตัวที่แสดงถึงความคาดหมายของตลาดเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงในดัชนีราคาผู้บริโภค

ธรรมดาแล้ว ตัวเลขนี้จะกอดแน่นไปในทิศทางเดียวกันกับความเคลื่อนไหวของพวกราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทว่าในรอบหลายๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา มันกลับแยกตัวออกมาโดยอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า

การที่อัตราเงินเฟ้อซึ่งตลาดคาดหมาย ลดต่ำลงมากจากระดับที่บ่งชี้โดยพวกราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นสิ่งที่ชี้ว่าพวกนักลงทุนคิดว่าภาคบริษัทจะสูญเสียอำนาจทางราคาในเวลาต่อไป สืบเนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในภาวะอ่อนแอ


กำลังโหลดความคิดเห็น