เอเอฟพี – ธุรกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ในจีนกำลังได้รับผลกระทบจากสงครามภาษีระหว่างสองประเทศ และบีบให้บางบริษัทต้องย้ายถิ่นฐานไปต่างแดนหรือทบทวนธุรกิจของตัวเองใหม่ ผลสำรวจ เผยวันนี้ (22)
โพลล่าสุดของสภาการค้าอเมริกันในจีน (American Chamber of Commerce in China) และองค์กรเครือข่ายในเซียงไฮ้แสดงให้เห็นภาพอันมืดมนของสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจสำหรับบริษัทอเมริกัน
สามในสี่ของผู้ตอบแบบสำรวจ 250 ราย กล่าวว่า การเพิ่มภาษีในสหรัฐฯและจีนกำลังส่งผลกระทบเชิงลบต่อธุรกิจของพวกเขา เนื่องจากคำสั่งซื้อกำลังหดหายเพราะว่าต้นทุนการผลิตและราคาที่สูงขึ้น
เกือบครึ่งหนึ่ง ระบุว่า พวกเขาเผชิญกับมาตรการตอบโต้ที่ไม่ใช่ด้านภาษีในจีนเมื่อปีที่แล้ว โดยหนึ่งในห้า รายงานว่า มีการตรวจสอบเพิ่มมากขึ้นและการตรวจผ่านทางศุลกากรที่ช้ากว่าเดิมในปริมาณสินค้าเท่ากัน และ 14 เปอร์เซ็นต์ร้องเรียนถึงความยุ่งยากอื่นๆ จากการตรวจสอบของระบบราชการและหน่วยงานควบคุมที่มากขึ้น
จนถึงตอนนี้ สหรัฐฯ และจีนใช้มาตรการภาษีตอบโต้กันรวมเป็นมูลค่ามากกว่า 3.6 แสนล้านดอลลาร์ในการค้าสองทาง
โพลนี้ถูกจัดทำระหว่างวันที่ 16-20 พฤษภาคม ไม่กี่วันหลังสหรัฐฯเพิ่มภาษีสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์อีกเท่าตัว และปักกิ่งตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าอเมริกัน 6 หมื่นล้านดอลลาร์
โพลนี้แสดงให้เห็นว่า 35 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทเหล่านี้จะหันมาใช้กลยุทธ์ “ในจีนเพื่อจีน” การผลิตภายในจีนและมุ่งเป้าตลาดภายในประเทศ เหตุเพราะมาตรการภาษี
อย่างไรก็ตาม กว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า พวกเขากำลังพิจารณาหรือได้ย้ายโรงงานผลิตออกนอกจีนแล้ว โดยมีเม็กซิโกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตัวเลือกหลักสำหรับการผลิต
ไม่ถึง 6 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า พวกเขาได้ย้ายหรือกำลังพิจารณาย้ายโรงงานไปยังสหรัฐฯ ทลายความหวังของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะได้เห็นบริษัทอเมริกันแห่ย้ายฐานผลิตกลับประเทศ
ทรัมป์เปิดฉากสงครามการค้าเมื่อปีที่แล้วเพื่อขัดขวางการปฏิรูปเศรษฐกิจอันลึกซึ้งของปักกิ่ง และกล่าวหาจีนว่าพยายามขยายอำนาจทางอุตสาหกรรมทั่วโลกผ่านการแทรกแซงตลาดและขโมยเทคโนโลยีสหรัฐฯ