เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เข้ามาแทรกแซงด้วยการห้ามไม่ให้อดีตที่ปรึกษาทำเนียบขาว ดอน แม็คแกน (Don McGahn) เข้าให้การต่อสภาคองเกรสเกี่ยวข้องกับรายงานพิเศษของมุลเลอร์เรื่องการสอบสวนรัสเซียยุ่งการเลือกตั้งสหรัฐฯปี 2016 ในขณะที่ทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯออกมาชี้ว่า ไม่สามารถบังคับให้แม็คแกนเปิดปากพูดได้ เรียกเสียงประณามออกมาจากฝ่ายตรงข้ามทันทีรวมไปถึงคำประกาศข่มขู่ถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐฯ
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(20 พ.ค)ว่า ในความเห็นทางกฎหมายที่ถูกเผยแพร่วันจันทร์(20) กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯแถลงว่า นักการเมืองสหรัฐฯบนดิแคปิตอลฮิลไม่สามารถบีบบังคับ ดอน แม็คแกน (Don McGahn) อดีตที่ปรึกษาทำเนียบขาว ซึ่งถูกสั่งเรียกตัวเข้าให้การโดยคณะกรรมาธิการด้านการยุติธรรมประจำสภาล่างสหรัฐฯ ต้องตอบคำถามภายใต้คำสาบานได้ เนื่องมาจากเหตุผลที่เขามีภูมิคุ้มกันอย่างสมบูรณ์จากการถูกเรียกเข้าให้การเพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับการทำงานให้กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ อ้างอิงจากเอพี
“กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯได้ให้ความเห็นทางกฎหมายระบุว่า ตั้งอยู่ธรรมเนียมปฎิบัติที่มีมาอย่างยาวนาน ร่วมทั้งสองฝ่ายพรรคการเมือง และเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ อดีตที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่สามารถที่จะถูกบีบบังคับให้เข้าให้การเช่นนั้นได้ และคุณแม็คแกนได้รับคำแนะนำให้ปฎิบัติตาม” ซาราห์ ฮักคาบี แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวกล่าวผ่านแถลงการณ์
“การปฎิบัตินี้มีขึ้นเพื่อทำให้มั่นใจว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯในอนาคตจะสามารถบริหารตามหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ทั้งนี้พบว่าแม็คแกนเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในรายงานของอัยการพิเศษสหรัฐฯ โรเบิร์ต มุลเลอร์ และมักจะเข้าขัดขวางความพยายามของทรัมป์ที่ต้องการขัดขวางกระบวนการทางยุติธรรม อ้างอิงจากเจ้าหน้าที่สอบสวน และพบว่าแม็คแกนข่มขู่ที่จะลาออกเมื่อครั้งที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯออกคำสั่งให้ไล่มุลเลอร์ออก
นอกจากนี้ยังพบว่า แม็คแกนเคยถูกทรัมป์ส่งไปให้หารือกับอดีตรัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯคนก่อนหน้า เจฟฟ์ เซสชันส์ เพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาไม่ประกาศขอถอนตัวจากการเป็นผู้ดูแลการสอบสวนคดีรัสเซีย
พบว่าในระหว่างการเดินทางไปหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย ทรัมป์ถูกถามว่าเหตุใดเขาจึงขอให้แม็คแกนท้าท้ายคำสั่งการเรียกตัวจากรัฐสภาสหรัฐฯ ผู้นำสหรัฐฯตอบกลับมาว่า “คือว่าเท่าที่ผมเข้าใจ พวกเขากระทำลงไปเพื่อสำนักงานประธานาธิบดีสหรัฐฯ สำหรับประธานาธิบดีในอนาคต” และกล่าวต่อว่า “ผมคิดว่าเป็นการกระทำที่สำคัญ และทีมกฎหมายได้กล่าวว่า พวกเขาไม่ได้ทำเช่นนั้นเพื่อตัวผม พวกเขาทำไปเพื่อสำนักงานประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดังนั้นพวกเรากำลังพูดถึงอนาคตกันอยู่”
อย่างไรก็ตามการเข้ามาแทรกแซงจากทำเนียบขาวได้รับการประณามจากประธานคณะกรรมาธิการด้านการยุติธรรมประจำสภาล่างจากพรรคเดโมแครต เจอร์รีย์ แนดเลอร์ (Jerry Nadler) โดยเขากล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “รายงานของมุลเลอร์แสดงเอกสารให้เห็นถึงรูปแบบการเข้าขัดขวางกระบวนการทางยุติธรรมสหรัฐฯอย่างน่าตกใจ” และเสริมต่อว่า “ประธานาธิบดีสหรัฐฯกระทำครั้งแล้วครั้งเล่า บางทีอาจเป็นความผิดทางอาญา ในการที่จะปกป้องตัวเขาเองจากการบังคับใช้กฎหมายรัฐบาลกลางสหรัฐฯ”
แนดเลอร์ชี้ว่า “ดอน แม็คแกนเป็นพยานรู้เห็นการกระทำที่ชั่วร้ายเหล่านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์รู้เรื่องนี้ เขาเป็นที่แน่นอนว่าไม่ต้องการให้ประชาชนอเมริกันรับรู้เรื่องทางตรงต่อการกระทำที่มิชอบของตัวเอง และดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะปิดกั้นแม็คแกนจากการขึ้นพูดในที่สาธารณะพรุ่งนี้”
แนดเลอร์เสริมต่อว่า ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลทรัมป์ล่าสุดถือเป็นตัวอย่างการเป็นปฎิปักษ์ต่อกฎหมาย ซึ่งทางแนดเลอร์กล่าวว่า ทางคณะของเขาจะประชุมตามกำหนดเดิมในช่วงเช้าวันอังคาร(21) และคาดหวังว่า ดอน แม็คแกน จะมาปรากฎตัวต่อหน้า
เดอะการ์เดียนกล่าวว่า ในการแสดงความเห็นทางกฎหมายของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯไม่ได้ห้ามแม็คแกนเข้าให้ปากคำหากว่าเขาเลือกที่จะทำเช่นนั้นถึงแม้อาจจะเกิดความเสี่ยงต่ออาชีพการงานของเขาก็ตาม
เอพียังชี้ว่า ทรัมป์ได้โวยวายเกี่ยวกับแม็คแกนมานานหลายเดือนหลังปรากฎชัดว่า รายงานของมุลเลอร์ส่วนใหญ่มาจากคำให้การของแม็คแกน โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯได้โจมตีอดีตที่ปรึกษาของตัวเองผ่านทางทวิตเตอร์ และยังกล่าวยืนยันต่อบรรดาที่ปรึกษาว่า ทนายความไม่ได้รับอนุญาตทำให้ตัวทรัมป์ได้รับความอับอายต่อหน้าสภาคองเกรสเหมือนเช่นอดีตทนายความส่วนตัว ไมเคิล โคเฮน เคยกระทำมา อ้างอิงจากเจ้าหน้าที่และพรรครีพับลิกัน