อเมริกากล่าวหา กองทัพจีนน่าจะใช้ ‘เทคโนโลยีที่ขโมยจากสหรัฐฯ’

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.asiatimes.com)

China’s military may have ‘technologies stolen from US’
ByBertil Lintner, Chiang Mai
06/05/2019

รายงานเมื่อเร็วๆ นี้ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯบอกว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯจำนวนมากเชื่อว่าอาวุธล้ำสมัยของจีนหลายอย่างน่าจะบรรจุเอาไว้ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ที่ขโมยมาจากพวกบริษัทอุตสาหกรรมการผลิตอเมริกัน

จีนกำลังสร้างสมสมรรถนะทางการทหารของตนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อท้าทายบทบาทของอเมริกาในฐานะที่เป็นมหาอำนาจผู้ทรงความสำคัญเหนือใครหน้าไหนทั้งสิ้นในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก แรนดัลล์ จี. ชริเวอร์ (Randall G Schriver) ผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯฝ่ายกิจการความมั่นคงอินโด-แปซิฟิก (US defense secretary for Indo-Pacific security affairs) พูดเอาไว้เช่นนี้เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ตามรายงานชิ้นหนึ่งซึ่งโพสต์บนเว็บไซต์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ในวันเดียวกันนั้น ระบุว่า “จีนเที่ยวแสวงหาทางที่จะกลายเป็นทั้งผู้มั่งคั่งร่ำรวยและผู้ทรงอำนาจ” และรายงานชิ้นหนึ่งของสหรัฐฯก็ชี้ว่า “จีนมีเป้าหมายที่ระบุออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า (กองทัพของ)ตนกำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นกองทัพระดับเวิลด์คลาสภายในปี 2049”

จีนกำลังเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่กองกำลังขีปนาวุธของตน และกำลังเริ่มสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่ 3 แล้วด้วย รายงานของสหรัฐฯชิ้นนี้ยังกล่าวย้ำว่า “กองทัพอากาศของจีนเพิ่งนำเอา (เครื่องบินขับไล่แบบ เจ-20) ที่เป็นเครื่องบินเจเนอเรชั่นที่ 5 ของตนออกมาบิน ... (ซึ่ง) มีคุณสมบัติด้านการหลบหลีกเรดาร์ และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯจำนวนมากบอกว่า พวกเขาเชื่อว่ามันน่าจะบรรจุเอาไว้ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ที่ขโมยมาจากพวกบริษัทอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐฯ”

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคมปีที่แล้ว หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า โรงงานของโบอิ้งแห่งหนึ่งในนครลอสแองเจลิส กำลังใกล้ที่จะผลิตดาวเทียมดวงใหม่ดวงหนึ่งเสร็จเรียบร้อยอยู่แล้ว โดยหนังสือพิมพ์นี้เน้นว่า ดาวเทียมดวงนี้ “ใช้เทคโนโลยีชนิดที่มีการจำกัดควบคุม ซึ่งฝ่ายทหารของสหรัฐฯพึ่งพาอาศัยอยู่”

ดาวเทียมดวงนี้สั่งซื้อสั่งผลิตโดย “บริษัทสตาร์ทอัปท้องถิ่นรายหนึ่งซึ่งมุ่งหาทางปรับปรุงยกระดับการเข้าถึงเว็บในแอฟริกา” แต่ตามรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัล ในความเป็นจริงแล้ว ดาวเทียมดวงนี้กำลังได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากเม็ดเงินของจีน ซึ่ง “หลั่งไหลออกมาจากโครงการดาวเทียมจากรัฐวิสาหกิจด้านการเงินแห่งหนึ่งของจีน ในข้อตกลงอันสลับซับซ้อนที่ใช้บริษัทออฟชอร์หลายๆ แห่ง ให้เป็นช่องทางโอนเงินของจีนไปยังโบอิ้ง”

ตามรายงานฉบับเมื่อเร็วๆ นี้ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯดังกล่าวไว้ข้างต้น การปฏิบัติการทั้งแบบปิดลับและแบบไม่ค่อยจะปิดลับของจีน ยังมีทั้งสิ่งที่รายงานนี้เรียกว่า “การปฏิบัติการเพื่อสร้างอิทธิพล” หรือก็คือ “ความพยายามของฝ่ายจีนในการมีอิทธิพลเหนือสื่อ, วัฒนธรรม, ธุรกิจ, สถาบันวิชาการในประเทศอื่นๆ ให้ยอมรับในหนทางของจีน”

ในเวลาเดียวกัน รายงานกล่าวเตือนให้ระลึกด้วยความระมัดระวังเอาไว้ว่า “ในยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคของเรานั้น ส่วนที่สำคัญส่วนหนึ่งก็คือจะต้องมีความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์และมีเสถียรภาพกับจีน ซึ่งเป็นการบรรเทาความเสี่ยงอันจะเกิดจากเหตุการณ์ต่างๆ และอุบัติเหตุต่างๆ”