เอเอฟพี – หน่วยงานควบคุมพรมแดนสหรัฐฯ มีแผนบังคับตรวจดีเอ็นเอครอบครัวผู้อพยพ เพื่อพิสูจน์ว่าผู้ใหญ่และเด็กมีความเกี่ยวข้องเป็นพ่อแม่ลูกกันจริงหรือไม่ เจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ เผยวานนี้ (1 พ.ค.)
โครงการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเออย่างรวดเร็ว (Rapid DNA) เริ่มถูกนำมาใช้บริเวณจุดผ่านแดนหลายแห่งตลอดแนวพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ซึ่งมีผู้อพยพไร้ทะเบียนข้ามแดนเข้ามาเดือนละหลายหมื่นคน โดยส่วนใหญ่มากันเป็นครอบครัวและต้องการขอลี้ภัยในสหรัฐฯ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า มีผู้ใหญ่บางคนนำเด็กมาอ้างเป็นลูกเพื่อจะได้มีโอกาสเข้าประเทศ ซึ่งการตรวจดีเอ็นเอจะช่วยป้องกันพฤติกรรมสวมรอยเช่นนี้ได้
เจ้าหน้าที่จะเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อจากกระพุ้งแก้มของผู้อพยพเพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ว่าเป็นพ่อแม่-ลูกกันจริงหรือไม่ และจะมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่กล่าวเท็จ
สถิติจากสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ ระบุว่า มีผู้อพยพไร้ทะเบียนเกือบ 190,000 คนที่เดินทางเป็นครอบครัวเข้าสู่สหรัฐฯ ระหว่างเดือน ต.ค. ปีที่แล้วจนถึง มี.ค. ปีนี้ ซึ่งจากการสอบถามและใช้เทคนิคการสอบสวนอื่นๆ สามารถเปิดโปงผู้อพยพที่โกหกได้แล้วมากกว่า 1,000 ครอบครัว
ทั้งนี้ โครงการตรวจดีเอ็นเอจะเน้นพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่-ลูกเท่านั้น แต่ไม่ครอบคลุมถึงความเป็นเครือญาติ เช่น ลุงกับหลาน เป็นต้น