xs
xsm
sm
md
lg

Weekend Focus: ไฟไหม้มหาวิหาร ‘น็อทร์-ดาม’ แห่งปารีส ผู้นำฝรั่งเศสตั้งเป้าบูรณะ 5 ปี-ยอดเงินบริจาคท่วมท้น

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เปลวเพลิงที่โหมไหม้อาสนวิหาร น็อทร์-ดาม เดอ ปารีส (Notre-Dame de Paris) โบสถ์คาทอลิกเก่าแก่ที่เป็นสัญลักษณ์คู่เมืองหลวงฝรั่งเศสมานานกว่า 850 ปี สร้างความตกตะลึงต่อชาวเมืองน้ำหอมและผู้คนทั่วโลก เช่นเดียวกับบรรดานักประวัติศาสตร์ที่ต่างเศร้าเสียดายเมื่อเห็นสมบัติทางวัฒนธรรมชิ้นเอกสูญสลายไปต่อหน้าต่อตา ขณะที่ประธานาธิบดี เอมมานูแอล มาครง แห่งฝรั่งเศสลั่นจะฟื้นฟูมหาวิหารแห่งนี้ให้กลับมางดงามดังเดิมภายในระยะเวลา 5 ปี

ชาวปารีสและนักท่องเที่ยวนับพันคนเฝ้ามองเหตุการณ์ไฟไหม้ด้วยความตกใจและเศร้าสลดจากถนนหลายสายในบริเวณใกล้เคียง ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามรักษามรดกล้ำค่าที่สะสมมาหลายศตวรรษภายในมหาวิหารแบบกอธิค (Gothic) แห่งนี้ไว้อย่างสุดความสามารถ

ไฟได้เริ่มปะทุขึ้นเมื่อเวลา 18.50 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันจันทร์ (15 เม.ย.) ก่อนจะลุกลามอย่างรวดเร็วจนไหม้หลังคาวิหารไปถึง 2 ใน 3 และส่วนยอดแหลมซึ่งมีความสูง 93 เมตรได้พังครืนลงมาเมื่อเวลาประมาณ 19.50 น.

ทางการฝรั่งเศสได้ระดมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงราว 400 คนเร่งฉีดน้ำดับไฟตลอดทั้งคืน กระทั่งเวลาประมาณ 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันอังคาร (16) จึงมีการประกาศว่าดับไฟได้แล้ว รวมระยะเวลาที่เพลิงเผาผลาญอาสนวิหารราว 15 ชั่วโมง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสเชื่อว่าไฟไหม้ครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการลอบวางเพลิง โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่างานซ่อมแซมยอดอาสนวิหารที่กำลังดำเนินอยู่อาจเป็นสาเหตุของไฟไหม้ใหญ่

เรมี เอซ อัยการฝรั่งเศส ระบุว่า เจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์ และเริ่มพูดคุยกับพนักงานของบริษัทก่อสร้าง 5 แห่งที่รับผิดชอบงานซ่อมแซมบูรณะน็อทร์-ดามขณะเกิดเหตุ แต่ยังไม่พบสิ่งบ่งชี้ว่าเป็นการกระทำโดยจงใจ ขณะที่ตำรวจสันนิษฐานว่าการเปลี่ยนตะกั่วหุ้มอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดประกายไฟขึ้น

ศิลปวัตถุล้ำค่าและภาพเขียนหลายชิ้นถูกเพลิงเผาทำลาย รวมถึงออร์แกนขนาดใหญ่ที่มีท่อเกือบ 8,000 ท่อก็ได้รับความเสียหายไม่น้อย แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่าผนังวิหาร หอระฆังทั้งสอง และหน้าต่างกระจกสีซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมมากที่สุดยังคงอยู่ในสภาพดี และโบราณวัตถุชิ้นสำคัญอย่างมงกุฎหนามและเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าหลุยส์ กษัตริย์ฝรั่งเศสในช่วงศตวรรษที่ 13 ก็ได้รับการขนย้ายออกมาอย่างปลอดภัยเช่นเดียวกับไม้กางเขน และถูกนำไปเก็บรักษาร่วมกับศาสนวัตถุอื่นๆ ของน็อทร์-ดามที่ศาลาว่าการเมืองปารีส

นักประวัติศาสตร์เมืองน้ำหอมหลายคนยอมรับว่า “แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง” ว่าอาคารซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสมานานเกือบ 1,000 ปีจะสูญสลายลงไปตรงหน้า

“ถ้าปารีสคือหอไอเฟล ฝรั่งเศสก็คือน็อทร์-ดาม วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ทั้งหมดของฝรั่งเศสถูกหลอมรวมเอาไว้ในมหาวิหารแห่งนี้” แบร์นาร์ด เลอกงต์ นักเขียนและผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ศาสนาให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ BFM TV

นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนีได้กล่าวยกย่อง น็อทร์-ดาม เป็น “สัญลักษณ์ของวัฒนธรรมยุโรป” ขณะที่สำนักวาติกันก็ออกมาแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งนี้

ด้านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ทวีตข้อความว่ารู้สึกสะเทือนใจเมื่อเห็นภาพมหาวิหารน็อทร์-ดาม ถูกเพลิงเผาไหม้ ขณะเดียวกันก็แนะให้ฝรั่งเศสรีบส่งเครื่องบินบรรทุกน้ำขึ้นไปดับไฟจนกลายเป็นประเด็นดราม่า

“พวกเขาน่าจะส่งเครื่องบินขึ้นไปทิ้งน้ำเพื่อดับไฟ จะต้องรีบทำโดยเร็ว!” ทรัมป์ ระบุ

สำนักงานความมั่นคงพลเรือนฝรั่งเศสซึ่งมีหน้าที่ดูแลการจัดการวิกฤตต่างๆ ในประเทศ ได้ทวีตตอบกลับผู้นำสหรัฐฯ ว่า การส่งเครื่องบินขึ้นไปทิ้งน้ำไม่ได้อยู่ในการพิจารณาตั้งแต่ต้น เพราะถ้าใช้วิธีดังกล่าว “อาจจะทำให้โครงสร้างวิหารทั้งหลังพังลงมา”
ภาพเปรียบเทียบมหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีสในช่วงก่อนและหลังเกิดเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ระบุว่า ประเทศจีนรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งเมื่อได้ทราบข่าวไฟไหม้ พร้อมยกย่องน็อทร์-ดามเป็น “สมบัติแห่งอารยธรรมของมนุษยชาติที่โดดเด่น” ส่วนสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขคริสตจักรคาทอลิก ทรงมีพระดำรัสขอบใจเจ้าหน้าที่ดับเพลิงฝรั่งเศสที่เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องมหาวิหารเก่าแก่แห่งนี้เอาไว้

"ศาสนจักรคาทอลิกขอขอบใจเจ้าหน้าที่ทุกคนที่พยายามปกป้องวิหารแห่งนี้อย่างสุดความสามารถ แม้จะต้องเสี่ยงชีวิตของตนเองก็ตาม" โป๊ปตรัส

นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ แห่งอังกฤษกล่าวชื่นชมมหาวิหารน็อทร์-ดามว่าเป็น “หนึ่งในอาคารที่สวยงามที่สุดในโลก เป็นสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสและชาวฝรั่งเศส และเป็นที่หวงแหนของผู้คนทั่วโลก” พร้อมประกาศว่าโบสถ์ทุกแห่งในอังกฤษ รวมถึงมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ในกรุงลอนดอนซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของกษัตริย์อังกฤษมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1066 จะลั่นระฆังพร้อมกันในวันพฤหัสบดีที่ 18 เม.ย. เวลา 16.43 GMT ซึ่งตรงกับเวลาที่ น็อทร์-ดาม เกิดเพลิงไหม้ เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับชาวฝรั่งเศส

เฟรนช์ เฮอริเทจ ฟาวน์เดชัน ซึ่งเป็นมูลนิธิของภาคเอกชนเริ่มเปิดรับการบริจาคเพื่อช่วยฟื้นฟูบูรณะโบสถ์น็อทร์-ดาม ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เงินหลายร้อยล้านยูโร ขณะที่ธารน้ำใจจากทุกภาคส่วนเริ่มหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย โดยจากข้อมูลเมื่อวันพุธ (17) พบว่ายอดรวมคำสัญญามอบเงินช่วยบูรณะมหาวิหารน็อทร์-ดามจากบริษัทห้างร้านต่างๆ และครอบครัวมหาเศรษฐีได้พุ่งทะลุ 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 28,600ล้านบาท)

เครื่องสำอางแบรนด์ดัง ‘ลอรีอัล’ และครอบครัวเบตตองกูร์ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งได้ประกาศมอบเงินบริจาค 200 ล้านยูโร ขณะที่ แบร์นาร์ อาร์โนลต์ มหาเศรษฐีผู้ถือหุ้นหลักของ LVMH ซึ่งครอบคลุมแบรนด์สินค้าหรู เช่น หลุยส์ วิตตอง ประกาศสมทบทุนให้อีก 200 ล้านยูโร ส่วน ฟรองซัวส์-อองรี ปิโนลต์ ประธานบริหารกลุ่มเคอริงที่เป็นเจ้าของแบรนด์กุชชี่, อีฟส์ แซงต์ ลอรองต์ ฯลฯ ก็ได้ประกาศมอบเงินอีก 100 ล้านยูโร เพื่อฟื้นฟูมหาวิหารชื่อดังของฝรั่งเศสด้วย

ทิม คุก ซีอีโอแอปเปิล ทวีตข้อความเมื่อวันอังคาร (16) ว่า ยักษ์ใหญ่ไอทีสหรัฐฯ จะบริจาคเงินช่วยซ่อมแซมวิหารน็อทร์-ดามด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่ระบุจำนวนที่แน่ชัด

ประธานาธิบดี เอมมานูแอล มาครง ประกาศจะเร่งซ่อมแซมวิหาร น็อทร์-ดาม เพราะเป็นความคาดหวังของชาวฝรั่งเศส พร้อมยกย่องอาสนวิหารแห่งนี้ว่าเป็น “ศูนย์กลางแห่งชีวิต” และเป็น “โบสถ์ของชาวฝรั่งเศสทุกคน” ไม่ว่าจะนับถือศาสนาหรือไม่ก็ตาม

ผู้นำเมืองน้ำหอมได้กำหนดกรอบเวลา 5 ปีในการบูรณะน็อทร์-ดามให้กลับมา "สวยงามยิ่งกว่าเดิม" และหวังว่างานซ่อมหลังคาโบสถ์จะแล้วเสร็จก่อนที่ฝรั่งเศสจะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิกส์ในปี 2024

มาครง ระบุด้วยว่า เหตุเพลิงไหม้ครั้งเลวร้ายนี้ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของฝรั่งเศสในการระดมสรรพกำลัง และจะทำให้ประเทศที่เคยแตกแยกและมีการประท้วงต่อต้านรัฐบาลเป็นระยะตั้งแต่เดือน พ.ย. กลับมาปรองดองและขับเคลื่อนไปข้างหน้าอีกครั้ง

"เราจะบูรณะให้มหาวิหารสวยงามยิ่งกว่าเดิม ผมต้องการให้แล้วเสร็จภายใน 5 ปี... และเราสามารถทำได้" มาครง แถลงจากทำเนียบประธานาธิบดีเอลีเซ่
ประธานาธิบดี เอมมานูแอล มาครง แห่งฝรั่งเศสออกแถลงการณ์ผ่านสื่อโทรทัศน์เมื่อวันที่ 16 เม.ย. หลังเกิดเพลิงไหม้มหาวิหารน็อทร์-ดาม
รัฐบาลฝรั่งเศสยังได้ประกาศเชื้อเชิญสถาปนิกจากทั่วโลกให้ร่วมกันส่งแบบหลังคายอดแหลมของวิหารน็อทร์-ดามเข้าประกวด เพื่อนำมาสร้างทดแทนของเดิมที่ถูกไฟไหม้

แม้ฝรั่งเศสจะมีประสบการณ์ในการซ่อมแซมวิหารเก่าแก่มาแล้วหลายหลัง เช่น โบสถ์ที่เมืองแร็งส์ (Reims) ซึ่งโดนระเบิดเสียหายอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และมหาวิหารในเมืองนองต์สซึ่งเคยเกิดเพลิงไหม้เมื่อปี 1972 แต่ผู้เชี่ยวชาญสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่เชื่อว่า งานบูรณะมหาวิหาร น็อทร์-ดาม ปารีส จะต้องใช้ระยะเวลายาวนานกว่าที่ผู้นำฝรั่งเศสคาดหมายเอาไว้มาก

อีริค ฟิชเชอร์ หัวหน้ามูลนิธิซึ่งควบคุมการบูรณะโบสถ์สตราสบูร์กอายุ 1,000 ปี ชี้ว่า การจะซ่อมแซม น็อทร์-ดาม ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมนั้นอาจจะต้องใช้เวลา "หลายทศวรรษ" ขึ้นอยู่กับแผนผังอาคารและวัสดุอื่นๆ ที่สถาปนิกจะสามารถหาได้

สเตฟาน เบิร์น นักหนังสือพิมพ์และพิธีกรโทรทัศน์ชาวฝรั่งเศส ระบุว่าเรื่องงบประมาณคงไม่ใช่ปัญหา แต่เกรงว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ไม่ทันได้เห็น น็อทร์-ดาม เปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนอีกครั้ง

"มันจะได้รับการฟื้นฟูเพื่อชนรุ่นหลัง" เขากล่าว

ฟรานซิส โมด หนึ่งในทีมสถาปนิกที่ร่วมบูรณะพระราชวังวินด์เซอร์หลังเกิดเพลิงไหม้เมื่อปี 1992 ชี้ว่า การจะหาทีมช่างฝีมือในยุโรปที่มีทักษะเชี่ยวชาญด้านการสลักหิน งานไม้ และงานกระจกสีในทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่โครงการใหญ่ๆ อย่างงานซ่อมแซมอาคารรัฐสภาอังกฤษก็เผชิญข้อจำกัดแบบเดียวกัน

สำหรับมหาวิหาร น็อทร์-ดาม เป็นอาสนวิหารประจำอัครมุขมณฑลปารีส ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเมืองหลวงฝรั่งเศส โดยคำว่า น็อทร์-ดาม ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่า แม่พระ (Our Lady) ซึ่งเป็นคำที่ชาวคาทอลิกใช้เรียกพระนางมารีย์พรหมจารี

มหาวิหารซึ่งตั้งอยู่บนเกาะ อีล เดอ ลา ซิเต้ กลางแม่น้ำแซนแห่งนี้เป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสมาตั้งแต่เริ่มก่อสร้างเมื่อปลายศตวรรษที่ 12 ซึ่งนักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ระบุว่าเป็นปี ค.ศ. 1163 และใช้เวลาสร้างนานกว่า 200 ปีจึงแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1345

นโปเลียน โบนาปาร์ต ได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิฝรั่งเศสภายในมหาวิหารแห่งนี้ และต่อมาในปี ค.ศ. 1793 วิหารน็อทร์-ดามก็ถูกบุกปล้นจนได้รับความเสียหายอย่างหนักระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศส ประติมากรรมและศิลปะทางศาสนาถูกทำลายไปมาก ก่อนจะมีการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19

วิหารแห่งนี้ยังถูกใช้เป็นฉากสำคัญในนวนิยายชิ้นเอกของ วิกเตอร์ ฮูโก (Victor Hugo) ที่ตีพิมพ์ในปี 1831 เรื่อง “เดอะ ฮันช์แบ็ก ออฟ น็อทร์-ดาม” และมีรายงานว่าวรรณกรรมเล่มนี้เริ่มติดอันดับหนังสือขายดีทางเว็บไซต์แอมะซอนตั้งแต่วันอังคาร (16) ทันทีที่มีข่าวว่าวิหารถูกเพลิงไหม้

น็อทร์-ดาม รอดพ้นจากความเสียหายในสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง และได้ลั่นระฆังครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ปี 1944 ซึ่งเป็นวันที่ปารีสได้รับการปลดปล่อยจากกองทัพนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันมหาวิหารแห่งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองหลวงฝรั่งเศส และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ผู้ไปเยือนปารีสต้องห้ามพลาด เช่นเดียวกับหอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ และประตูชัยฝรั่งเศส




กำลังโหลดความคิดเห็น