xs
xsm
sm
md
lg

IMFเตือนเสถียรภาพการเงินโลกยังเสี่ยงสูง ห่วงสงครามการค้า-เบร็กซิตฉุดอัตราเติบโต

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

<i>โทเบียส เอเดรียน หัวหน้าฝ่ายตลาดเงินและตลาดทุนโลกของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ขณะแถลงสรุปรายงานเสถียรภาพทางการเงินของโลก ต่อสื่อมวลชนในวันพุธ (10 เม.ย.) </i>
เอเจนซีส์ – ไอเอ็มเอฟเตือนระบบการเงินโลกเผชิญความเสี่ยงมากขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่หนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนพุ่งโด่ง ชี้ความเสี่ยงอาจเพิ่มขึ้นหากอังกฤษถอนตัวจากอียูแบบยุ่งเหยิงไร้ข้อตกลง ความสัมพันธ์ทางการค้าอเมริกา-จีนตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง หรือเฟดกลับลำขึ้นดอกเบี้ยรอบใหม่ ขณะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกแผ่วลง ซึ่งหากเกิดสถานการณ์แง่ลบกะทันหันอาจส่งผลกระทบรุนแรงกว้างขวาง

โทเบียส เอเดรียน หัวหน้าฝ่ายตลาดเงินและตลาดทุนโลกของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวเมื่อวันพุธ (10 เม.ย.) ระหว่างการบรรยายสรุปรายงานเสถียรภาพการเงินโลกรอบครึ่งปีว่า เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอลงหลังจากเติบโตต่อเนื่องมาหลายปี ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะขาลงรุนแรง

รายงานเตือนว่า ภาครัฐไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เนื่องจากแนวโน้มความตึงเครียดทางการค้าและการถอนตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรป (อียู) อย่างไร้ระบบ จะบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างรุนแรง ดังนั้น ประเทศต่างๆ จึงควรดำเนินมาตรการเพื่อป้องกันระบบการเงินและอย่าหยุดยั้งการปฏิรูป

“มีความเสี่ยงที่ความรู้สึกแง่บวกของนักลงทุนจะเสื่อมลงกะทันหัน ส่งผลให้สถานการณ์ทางการเงินตึงตัวรุนแรง และส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจที่มีพื้นฐานอ่อนแอ
<i>จีตา โกปิแนธ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แถลงข่าวเปิดตัวรายงานทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุด เมื่อวันอังคาร (9 เม.ย.) </i>
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอังคาร (9) ที่ผ่านมา ไอเอ็มเอฟได้ออกรายงานทิศทาแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ฉบับล่าสุด ซึ่งระบุว่า เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนจากความเสี่ยงหลายประการ อาทิ ความตึงเครียดทางการค้า เบร็กซิต ฯลฯ และคาดการณ์ว่า การเติบโตในปีนี้จะอยู่ที่ 3.3% ต่ำสุดนับจากปี 2016 รวมทั้งถือเป็นการปรับลดตัวเลขคาดการณ์ครั้งที่ 3 ของไอเอ็มเอฟนับจากเดือนตุลาคมปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี รายงานยังเชื่อว่าไม่มีแนวโน้มเกิดภาวะถดถอยทั่วโลกแต่อย่างใด

รายงานที่ออกมาเมื่อวันพุธ(7) ยังเรียกร้องให้ผู้วางนโยบายชี้แจงการเปลี่ยนแปลงจุดยืนนโยบายทางการเงินอย่างชัดเจนเพื่อลดความเสี่ยงในการทำให้ตลาดผันผวน และตั้งข้อสังเกตว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) พักวงจรการขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราว แต่เตือนว่า หากเฟดกลับลำขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งอาจกระตุ้นการเทขายสินทรัพย์เสี่ยง

ไอเอ็มเอฟยังเตือนว่า ระดับหนี้ของภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศก้าวหน้าและประเทศกำลังพัฒนา เช่นเดียวกับการปล่อยสินเชื่อที่มีความเสี่ยงที่พุ่งทะยานขึ้นอย่างมาก อาจทำให้เศรษฐกิจโลกตกต่ำรุนแรงอีกครั้ง

เอเดรียนแจงว่า สัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีในอเมริกาขณะนี้พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุด ขณะที่ธนาคารในหลายประเทศของยุโรปถือครองพันธบัตรรัฐบาลมากเกินไป

รายงานให้รายละเอียดว่า หุ้นกู้ในกลุ่มที่น่าลงทุนที่มีความน่าเชื่อถือระดับ BBB เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าในรอบทศวรรษที่ผ่านมา ขณะที่หนี้ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าหรือหุ้นกู้ในกลุ่มเก็งกำไรเพิ่มขึ้นสองเท่าในช่วงเวลาเดียวกัน

ไอเอ็มตั้งข้อสังเกตว่า การซื้อขายในตลาดการเงินอังกฤษและยุโรปยังคงเป็นระเบียบ ขณะที่ทางการพยายามเจรจาเพื่อให้ได้ข้อตกลงเบร็กซิตที่เป็นระบบ ทว่า หากมีการเจรจาและแถลงการณ์ยืดเยื้ออาจทำให้ตลาดการเงินผันผวน ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุน และส่งผลลบต่อการลงทุนของภาคธุรกิจ

เวลาเดียวกัน อุตสาหกรรมที่พึ่งพิงการค้าคาดหวังมากขึ้นว่า การเจรจาการค้าอเมริกา-จีนจะมีผลลัพธ์ที่ดี แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น อาจมีการเทขายหุ้นรอบใหม่

ไอเอ็มเอฟแนะนำให้ผู้วางนโยบายใช้มาตรการเชิงรุก เช่น จำกัดการปล่อยสินเชื่อที่มีความเสี่ยง เพิ่มทุนสำรองธนาคาร เงินกองทุนส่วนเพิ่มที่เปลี่ยนแปลงได้ขึ้นกับสภาวะเศรษฐกิจ และการทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คุมกฎต้องพัฒนาเครื่องมือจัดการหนี้ภาคเอกชนที่พุ่งขึ้นจากตัวกลางที่ไม่ใช่ธนาคาร


กำลังโหลดความคิดเห็น