รอยเตอร์/เอพี/เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียให้ข้อมูลล่าสุดวันนี้ (17 มี.ค.) ว่า เกิดน้ำท่วมฉับพลันที่เขตไกลสุดทางตะวันออกของจังหวัดปาปัว ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 58 คน ได้รับบาดเจ็บอีก 70 ราย และอพยพ 4,150 คน ขณะนี้น้ำลดระดับแล้วแต่ทิ้งกองโคลนขนาดมหึมา ซุง และสิ่งของอื่นๆที่ถูกพัดมากับกระแสน้ำ ส่วนที่สหรัฐฯ สถานการณ์ล่าสุดหลังเกิดฝนตกหนักและตามมาด้วยน้ำท่วมฉับพลัน รวมไปถึงหิมะที่ละลายในแถบมิดเวสต์ เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพคนออกมาในหลายพื้นทื่
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (17 มี.ค.) ว่า เมืองเซนตานี (Sentani) ใกล้กับเมืองเอก จายาปุระ (Jayapura) ของจังหวัดปาปัวได้รับผลกระทบหนักสุดจากฝนตกหนักที่เริ่มมาตั้งแต่วันเสาร์ (16) และทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันตามมา คอรี ซิมโบลอน (Cory Simbolon) เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียให้ข้อมูล
เอเอฟพีรายงานว่า น้ำท่วมครั้งร้ายแรงที่เกิดมาจากฝนตกหนักและดินถล่มทำให้บ้านเรือนจำนวนมากได้รับความเสียหายในเมืองเซนตานีที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้
ที่โดโย (Doyo) หนึ่งในจุดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด อพาทเมนต์ถูกทำลายด้วยกองหินที่เชื่อว่าตกลงมาจากภูเขาข้างๆ นักข่าวเอเอฟพีในที่เกิดเหตุรายงาน
ตะกอนดินและขยะที่ถูกพัดพาไปกับกระแสน้ำกองอยู่บริเวณข้างทาง
หลังก่อนหน้ารอยเตอร์นายงานว่า บ้านเรือนอย่างน้อย 9 หลัง และสะพาน 2 แห่งได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม สุโตโป ปัวร์โว นูโกรโฮ (Sutopo Purwo Nugroho)โฆษกสำนักงานภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซียกล่าว พร้อมเสริมว่า ทีมค้นหาและกู้ภัยยังไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด
โดยนูโกรโฮกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “ในขณะนี้น้ำได้ลดระดับแล้ว แต่ทิ้งโคลนตม ท่อนซุง และสิ่งอื่นที่มากับน้ำท่วมไว้”
ทั้งนี้ พบว่ามีประชาชนไม่ต่ำกว่า 120 คนต้องอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวที่อาคารภาครัฐหลังจากบ้านของคนเหล่านี้ถูกน้ำท่วมทำให้เกิดความเสียหาย โดยอ้างอิงจากหนึ่งในพยานของเอเอฟพีพบว่า ฝนได้เริ่มต้นตกมาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเวลา 01.00 น.ของวันนี้ (17) และฝนได้พัดเข้ามาที่บ้านเรือนประชาชนพร้อมกองโคลน แต่เป็นการยากที่คนในพื้นที่จะสามารถหลบหนีออกไปได้เนื่องมาจากถนนถูกปิดซึ่งเจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่กาชาด และบรรดาอาสาสมัคร ได้เข้าช่วยผู้พลัดถิ่นเหล่านี้ โฆษกกล่าวต่อ
เอเอฟพีรายงานว่า มีการตั้งเต็นท์ขึ้นที่เมืองเซนตานีสำหรับการอพยพและรักษาผู้ป่วย
เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า โดยภาพจากที่เกิดเหตุแสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ให้ออกซิเจนแก่เหยื่อที่ติดอยู่ใต้ต้นไม้ที่ล้มทับ ต้นไม้ที่ถูกถอนออกมาทั้งต้นและซากปรักหักพังอื่นๆ กระจายเกลื่อนตามถนนหนทางที่เต็มไปด้วยโคลน
และพบว่าทางเจ้าหน้าที่สามารถช่วยทารกวัย 5 เดือนที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังนานร่วมหลายชั่วโมงออกมาได้ อ้างอิงจากโฆษกกองทัพอินโดนีเซีประจำจังหวัดปาปัว แต่ทว่าในเวลานี้ยังไม่ทราบว่าบิดามารดาของเด็กรายนี้อยู่ที่ไหน
และพบว่าที่สนามบินเล็กๆของจายาปุระ มีเครื่องบินขนาดเล็กได้รับความเสียหายบนลานบิน ซึ่งตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุด เอเอฟพีชี้ว่าอยู่ที่ 58 ราย เพิ่มจาก 50 รายก่อนหน้า ส่วนผู้บาดเจ็บพุ่ง 70 คน จาก 49 รายในรายงานก่อนหน้า ส่วนผู้อพยพพบว่ามีจำนวน 4,150 คน
ทั้งนี้ วิกเตอร์ ดีน แม็กบอน (Victor Dean Mackbon) หัวหน้าตำรวจเมืองจายาปุระ แถลงว่า ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินครอบคลุม 14 วัน
ในขณะเดียวกัน สถานการณ์น้ำท่วมที่แถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯ ล่าสุด เอพีรายงานว่า น้ำท่วมเกิดขึ้นตามหลังฝนและหิมะที่ตกลงมาไม่กี่วัน ทำลายสถิติในบางพื้นที่ เกิดขึ้นไปทั่วทั้งเขตตะวันตกและเขตมิดเวสต์ พบแม่น้ำมิสซูรีมีระดับน้ำสูงที่รัฐเนแบรสกา รัฐเซาท์ดาโกตา รัฐไอโอวา และรัฐมินเนโซตา ถือเป็นภัยน้ำท่วมครั้งร้ายแรงในรอบหลายสิบปี
ทั้งนี้ พบว่าเหตุน้ำท่วมที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 1 รายเมื่อวันพฤหัสบดี (14) เป็นชายวัย 50 ปีจากรัฐเนแบรสกา เจมส์ วิลค์ (James Wilke) จากเหตุสะพานถล่มแล้ว ยังทำให้มีผู้สูญหายไม่ต่ำกว่า 2 คน เอพีชี้
คนเหล่านี้หายไปกับสายน้ำที่รัฐเนแบรสกาเช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่กล่าวว่า ชายชาวนอร์ฟอล์ก (Norfolk) รายหนึ่งถูกพบครั้งสุดท้ายอยู่บนหลังคารถตัวเองค่ำวันพฤหัสบดี (14) ก่อนที่จะถูกพัดไปกับกระแสน้ำ และชายคนที่ 2 ถูกพัดไปหลังเขื่อนแตกที่แม่น้ำนีโอบารา (Niobrara River)
โดยเจ้าหน้าที่ซาร์พี เคาน์ตี (Sarpy County) ทางใต้ของโอมาฮา (Omaha) กล่าวในวันเสาร์ (16)ว่า อาจมีการปิดส่งกระแสไฟฟ้าเตลอดแนวแม่น้ำมิสซูรี แม่น้ำแพลตต์ (Platte) และแม่น้ำเอลคอร์น (Elkhorn) ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
ทั้งนี้ ผู้ว่าการรัฐมิสซูรี ไมค์ พาร์สัน (Mike Parson) พบกับสมาชิกทีมกู้ภัยฉุกเฉินตั้งแต่วันศุกร์ (15) เพื่อทำการประเมินและรับทราบสถานการณ์ล่าสุดในแผนการรับมือน้ำท่วม ซึ่งทางตำรวจทางหลวงรัฐมิสซูรีได้เตรียมเครื่องมือเพิ่มเติมพร้อมกับเตรียมเจ้าหน้าที่ด่วนกู้ภัยน้ำท่วมไว้พร้อมตลอด
นอกจากนี้หน่วยเนชันแนลการ์ด ทหารรักษาประจำรัฐมิสซูรีได้ย้ายอากาศยานลำเลียง C-130 จากฐานทัพอากาศยานเนชันแนลการ์ด โรซแครนส์ (Rosecrans Air National Guard Base) ที่เซนต์โจเซฟต์ (St. Joseph) เพื่อความปลอดภัย
ด้านสำนักงานบริการสภาพอากาศสหรัฐฯ (The National Weather Service) รายงานว่า ระดับน้ำของแม่น้ำมิสซูรีที่เซนต์โจเซฟต์แตะเกือบ 26 ฟุตในวันเสาร์ (16) หรือ 1 ฟุตต่ำกว่าสิ่งที่สามารถเรียกได้ว่า “เป็นภาวะน้ำท่วมครั้งร้ายแรง" ที่ตะวันตกเฉียงใต้ของมิสซูรี ซิตี แต่เชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในวันพุธ (20) และวันพฤหัสบดี (21) ที่ 29.1 ฟุต หรือสูงกว่า 2 ฟุตเหนือระดับน้ำท่วม
มีความพยายามอพยพทางตะวันออกของรัฐเนแบรสกา และบางจุดที่ทางตะวันตกของรัฐไอโอวาในวันเสาร์ (16) แต่ต้องถูกขวางไว้จากรายงานน้ำล้นระดับเขื่อนกั้นน้ำ สะพานที่ถูกพัดพาและถนนจมใต้น้ำ ซึ่งรวมไปถึง ถนนไฮเวย์เนแบรสกา เส้น 92 ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าและออกทางตะวันตกเฉียงใต้ของโอมาฮา โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯได้ยืนยันว่า สะพานบนถนนไฮเวย์ที่ข้ามแม่น้ำเอลคอร์นนั้นถูกน้ำพัดไปในวันเสาร์ (16)
ส่วนที่ฟรีมองต์ (Fremont) ทางตะวันตกของโอมาฮา สำนักงานนายอำเภอดอจ เคาน์ตี (Dodge County) ได้ออกคำสั่งอพยพด่วนต่อประชาชนบางส่วนหลังน้ำท่วมได้ล้้นระดับแนวกั้นตลอดแนวของแม่น้ำแพลตต์ และในมิลส์ เคาน์ตี (Mills County) รัฐไอโอวา เจ้าหน้าที่ออกคำสั่งให้กับคนที่อาศัยในพื้นที่ห่างไกลให้ทำการอพยพหลังเกิดน้ำล้นระดับที่แม่น้ำมิสซูรีเช่นกัน
“ไม่มีทางออกไปจากที่นี่้เว้นแต่คุณจะมี ฮ. หรือไม่ก็เรือ” สาธุคุณ ไมค์ บิตเตอร์ (Rev. Mike Bitter) ประจำโบสถ์คริสต์แห่งวอเตอร์ลู (Christian Church of Waterloo) กล่าวให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นโอมาฮา เวิลด์-เฮอรัลด์ โดยเอพีชี้ว่า ผลจากน้ำท่วมในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐฯทำให้ทางเจ้าหน้าที่ต้องใช้เรือและยานพาหนะขนาดใหญ่ในวันเสาร์ (16) เพื่อปฏิบัติการกู้ภัย และนำคนออกมา
